งานนี้ผลกระทบต้องบอกว่าแผ่กว้างไพศาล โดยเฉพาะพยาบาลและกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของงานบริการด้านสาธารณสุขเลยก็ว่าได้บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งหมด 421,342 คน แบ่งเป็นข้าราชการ 216,829 คน ลูกจ้างประจำ 24,068 คน พนักงานราชการ 13,386 คน พนักงานกระทรวง 121,024 คน ลูกจ้างชั่วคราว 41,303 คน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ 4,732 คน
แบ่งออกเป็น 5 สายงานหลักๆ คือ แพทย์ 30,105 คน ทันตแพทย์ 7,091 คน เภสัชกร 12,036 คน และอีก 2 สายงานที่มีจำนวนบุคลากรเยอะที่สุดคือ พยาบาล 162,017 คน และสาขาวิชาชีพอื่นๆ เช่น พนักงานขับรถพยาบาล เจ้าหน้าที่เวรเปล เจ้าหน้าที่เวชระเบียน แม่บ้านทำความสะอาด หรือแม้แต่กลุ่ม "แบ็ค ออฟฟิศ" อย่างฝ่ายธุรการ การเงิน และบัญชี มีจำนวนถึง 210,093 คน ซึ่งจำนวนบุคลากรทั้งหมดกว่า 4 แสนคน มีบุคลากรที่ได้รับความเดือดร้อนราว 280,000 คน เรียกได้ว่าเกินครึ่งหนึ่งของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดเลยทีเดียว
ด้านตัวแทนสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบุคลากรอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด บอกว่า ทุกวันนี้ภาครัฐยังมีนโยบายเร่งผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุขจำนวนมาก แต่กลับไม่มีตำแหน่งงานรองรับ โดยเฉพาะตำแหน่งข้าราชการ ทำให้คนที่เรียนจบมาต้องดิ้นรนไปอยู่กับสถานพยาบาลเอกชน และสุดท้ายคนไทยก็ต้องใช้บริการด้านสุขภาพที่แพงขึ้นตามไปด้วย
ต้องรอดูกันต่อไปว่า เสียงจากพี่น้องสาธารณสุขจะดังไปถึง "นายกฯ ลุงตู่" และรัฐบาล คสช.หรือไม่ หรือจะปล่อยให้พวกเขาอยู่ในกระทรวงสาธารณทุกข์กันต่อไป