ในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ มีปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ กับหลายๆ พรรคการเมือง เมื่อมี "สุภาพสตรี" กระโดดสู่สนามการเมือง ลงสมัคร ส.ส.ทั้งในระบบแบ่งเขตและปาร์ตี้ลิสต์จำนวนมาก โดยเฉพาะเวทีเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร บางเขตเลือกตั้งมีผู้สมัครเป็นผู้หญิงเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้สมัครทั้งเขต ทิศทางแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของบางพรรคด้วย อย่างเช่น พรรครวมพลังประชาชาติไทย
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาสถาบันพระปกเกล้า อธิบายว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จของการรณรงค์เพื่อความเสมอภาคทางเพศที่ทำกันมายาวนาน ทำให้พรรคการเมืองหันมาสนใจผู้สมัครที่เป็นผู้หญิง และประชาชนก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้
(ต้องแสดงความยินดีในระดับหนึ่ง เพราะว่าในสากลเขาพยายามให้มีความเสมอภาคทางเพศมากขึ้นในทางการเมือง ให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น นอกจากนี้การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ไม่ใช่แค่การหย่อนบัตร แต่ลงไปเล่นลงไปกำหนดนโยบาย ลงไปร่วมตัดสินใจอันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะผู้ชายจะมองภาพใหญ่เป็นหลัก มองเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน มองเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ผู้หญิงจะมีความเข้าใจ เข้าใจเรื่องเด็ก คนสูงวัย ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส คือจะมองลึกซึ้ง เพราะผู้หญิงจะอยู่ในครอบครัว ดูแลก็จะรู้ว่าอะไรคือทุกข์ร้อนทุกข์ยาก)
ในมุมมองของผู้สมัครหญิง ที่ลงสนามเขต 2 กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ปัจจุบันสังคมเปิดกว้างให้ผู้หญิงเข้าสู่สนามการเมืองมากขึ้น เป็นโอกาสที่ไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย จึงตัดสินใจสมัครรับเลือกตั้ง เพราะอยากนำความรู้ความสามารถด้านอาชญาวิทยาที่ร่ำเรียนมา ช่วยแก้ปัญหาให้บ้านเมือง