ไขข้อข้องใจ "ถอนฟ้องฮาคีม"
"ล่าความจริง" วันนี้ เปิดรายการกันด้วยประเด็นที่หลายฝ่ายยังคงให้ความสนใจ คือการดำเนินคดี "ส่งผู้ร้ายข้ามแดน" กับ นายฮาคีม อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยของออสเตรเลีย แต่มาถูกจับในไทยตามหมายแดงอินเตอร์โพล ระหว่างมาฮันนีมูนกับภรรยา จากนั้นทางการบาห์เรนก็ทำเรื่องขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยระบุว่านายฮาคีมหนีคำพิพากษาศาลในคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ และลอบวางระเบิด อัยการพิจารณาเห็นว่าไม่ใช่คดีเกี่ยวกับการเมือง จึงส่งฟ้องต่อศาลในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน เท่านั้นแหละ ไทยถูกถล่มอย่างหนัก ถึงขั้นขู่บอยคอตการท่องเที่ยว และเรียกร้องไม่ให้สายการบินไทยไปลงจอดที่ออสเตรเลียกันเลยทีเดียว
ถ้าเราไล่ดูข้อเรียกร้องของฝ่ายที่ให้ปล่อยตัวนายฮาคีม ตั้งแต่นายกฯออสเตรเลีย รัฐมนตรี , นักสิทธิมนุษยชน และสื่อสังคมออนไลน์ จะพบว่ามีการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้อำนาจ "ฝ่ายบริหาร" สั่งปล่อยตัวนายฮาคีมทันที เพื่อไม่ให้มีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลไทยชี้แจงว่า คดีเข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ฝ่ายบริหารแทรกแซงไม่ได้ ทำให้มีบางฝายแนะว่า ให้อัยการถอนฟ้อง โดยใช้เหตุผลที่ว่า "การฟ้องคดีไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ" แต่ปัญหาก็คือ การถอนฟ้องทำได้จริงหรือไม่
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คุณอังคณา นีละไพจิตร บอกว่า กระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกรณีของนายฮาคีม เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหาร คือกระทรวงการต่างประเทศ ส่งต่อให้อัยการ แล้วอัยการส่งศาล ฉะนั้นอัยการสามารถถอนเรื่องได้ และควรทบทวนความเห็นที่ส่งฟ้องไป
ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนบางราย เสนอแนะให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 21 ของพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ ที่ให้อำนาจถอนฟ้องคดีใดๆ ก็ได้ หากพิจารณาแลวเห็นว่าการฟ้องคดีไปไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งที่ผ่านมาอัยการก็เคยใช้อำนาจนี้มาหลายครั้งแล้ว
"ล่าความจริง" ขอสัมภาษณ์ คุณชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เกี่ยวกับข้อเสนอให้อัยการถอนฟ้องคดีนายฮาคีม คุณชัชชม อธิบายว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ อัยการจะยื่นเรื่องถอนฟ้องคงไม่ได้ ต้องดูให้รอบด้าน เพราะอาจจะกระทบกับมิตรไมตรีและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับทั้งสองประเทศ คือทั้งออสเตรเลียและบาห์เรน
คดีนี้ทางบาห์เรนยื่นเรื่องขอให้ไทยส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาตามระบบและช่องทางที่ถูกต้อง จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศซึ่งทำหน้าที่แทนรัฐบาลก็ทำหนังสือแจ้งมาบอกว่า ทางกระทรวงฯพิจารณาแล้วไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ อัยการจึงต้องยื่นฟ้องต่อศาล ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินว่าจะส่งตัวหรือไม่ส่งตัว
เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถมีนโยบาย หรือข้อเสนอแนะ หรือข้อคิดเห็น มาให้ทางอัยการพิจารณาเพื่อยื่นเรื่องขอถอนฟ้องคดีนายฮาคีมได้หรือไม่ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ บอกว่า น่าจะทำได้ เพราะล่าสุดได้ยินว่าทางกระทรวงการต่างประเทศแนะนำให้ทางออสเตรเลียและบาห์เรนหันหน้ามาคุยกัน ถ้าทั้งสองประเทศสามารถเจรจาตกลงกันได้ ให้ส่งกลับไปประเทศไหนเป็นที่ยุติแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะทำหนังสือแจ้งมาว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว ทำให้ไม่มีเหตุต้องยื่นฟ้องคดีอีก ถ้าเป็นแบบนั้นอัยการก็จะยื่นเรื่องขอถอนฟ้องคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
สรุปก็คือ ช่องทางที่จะ savehakeem ยังมีอยู่ และถ้าฟังจากอัยการ จะพบว่าบทบาทของฝ่ายบริหารก็ยังสำคัญมากกับปัญหานี้ แต่คำถามคือ ฝ่ายบริหารทำอะไรบ้างหรือยัง เพราะถ้ายังนิ่้งอยู่ต่อไป อาจถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลา และโยนเผือกร้อนให้ฝ่ายอื่น