เมื่อวาน นายกฯลุงตู่ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"ออกแถลงการณ์ ระบุตอนหนึ่งว่า การกระทำของผู้ก่อความไม่สงบ ต้องการสร้างเงื่อนไขยกระดับปัญหา ดึงองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เพื่อให้ตัวเองบรรลุข้อเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องการแยกดินแดน หรือข้อเรียกร้องอื่นๆ คำถามที่น่าสนใจก็คือ เงื่อนไขยกระดับที่ว่านี้คืออะไร
จากการตรวจสอบข้อมูลของล่าความจริง พบว่า เงื่อนไขยกระดับปัญหาของผู้ก่อความไม่สงบ มี 2 อย่าง ที่เป็นยุทธศาสตร์การต่อสู้ คือการทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Armed conflict หรือ "การขัดกันด้วยอาวุธ" คือมีการสู้รบกันด้วยอาวุธระหว่างกองกำลังของรัฐบาล และกองกำลังฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐบาล จนส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธ์ เด็ก ผู้หญิง คนชรา หรือนักบวช ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะสะท้อนว่ารัฐบาลจัดการปัญหาไม่ได้ ก็จะมีนานาชาติ หรือองค์กรระหว่างประเทศยื่นมือเข้ามาแทรกแซง
เงื่อนไขแบบนี้เองที่ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบพยายามก่อเหตุที่มีลักษณะกระทบจิตใจหนักๆ (อย่างเช่นฆ่าพระ) เพื่อยั่วยุให้ฝ่ายรัฐนำกำลังเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง จนเกิดการสู้รบด้วยอาวุธขยายวงกว้าง ก็จะเข้าเงื่อนไข Armed conflict ขณะเดียวกันการที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็ก ผู้หญิง หรือนักบวช เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบบ่อยครั้ง ก็จะเป็นตัวเร่งให้เข้าเงื่อนไข Armed conflict ด้วย เพราะถือว่ารัฐบาลจัดการปัญหาไม่ได้
อีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะยกระดับปัญหา ก็คือกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยการ "กำหนดใจตนเอง" ของรัฐอาณานิคม หรือที่เรียกว่า Self determination (เซลฟ์ ดีเทอร์มิเนชั่น) แต่กฎข้อนี้ ใช้เฉพาะดินแดนอาณานิคม หลังหมดยุคล่าอาณานิคมเท่านั้น โดยจะให้สิทธิ์ประชาชนพื้นถิ่นดั้งเดิมสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับเจ้าอาณานิคมต่อไป หรือแยกตัวออกมาตั้งรัฐใหม่ โดยใช้วิธีการทำประชามติ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายประเทศที่เกิดปรากฏการณ์นี้ แต่ในส่วนของปัตตานี หรือสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยเป็นรัฐอาณานิคมของไทย ฝ่ายความมั่นคงไทยจึงเชื่อว่าไม่น่าจะเรียกร้องประเด็นนี้ได้ แต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบก็พยายามสร้างเงื่อนไข เช่น ออกแถลงการณ์เรียกไทยว่า "เจ้าอาณานิคมสยาม"
นี่คือเงื่อนไขที่ฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้าง ซึ่งทุกฝ่ายต้องรู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเครื่องมือ หรือเติมเชื้อไฟจนทำให้เข้าเงื่อนไขถูกมือที่สามแทรกแซง