svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

แฉเที่ยวเสม็ดต้องจ่ายค่าต๋งทุก 5 วัน

21 มกราคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตามกันต่อกับประเด็นเกาะติดของ "ล่าความจริง" เป็นปัญหาแนวเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า ทับซ้อนกับที่ดินทำกินของชาวบ้าน และสถานประกอบการรีสอร์ท โรงแรม ที่พักของของเอกชนบนเกาะเสม็ด แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของจังหวัดระยอง


เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว "ล่าความจริง" ลงพื้นที่เกาะเสม็ด และได้พูดคุยกับคนพื้นถิ่นดั้งเดิมบนเกาะ รวมถึงเจ้าของรีสอร์ท โรงแรม ที่พัก ซึ่งทั้งหมดเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯจับกุม ไล่รื้อ ดำเนินคดี โดยอ้างว่ารุกล้ำเขตอุทยานฯ ทั้งที่มีการปักหมุดแบ่งเขตกันชัดเจน ทำให้ชาวบ้านตั้งคำถามว่าทำไมแนวเขตของอุทยานฯถึงได้ "บวม" มากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯก็ยังนิ่ง ไม่ต่างอะไรกับกรมธนารักษ์ที่ไม่มีคำชี้แจงใดๆ ออกมา ทั้งๆ ที่แผ่นดินบนเกาะราวๆ 4,200 ไร่ ไม่มีที่ดินของเอกชนอยู่เลย แบ่งเป็นเขตอุทยานฯ 3,500 ไร่ และเป็นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ราวๆ 700 ไร่ แต่กลับสร้างความชัดเจนให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการไม่ได้ว่าแนวเขตอยู่ตรงไหนกันแน่

จากการลงพื้นที่ของ "ล่าความจริง" ยังพบปัญหาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแนวเขตอุทยานฯไม่ชัดเจนด้วย ซึ่งบางเรื่องแม้ดูแล้วไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต แต่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวได้เหมือนกัน

ปัญหาที่ว่านี้ก็คือ เรื่องตั๋วค่าธรรมเนียมเข้าออกอุทยานแห่งชาติเกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า โดยค่าธรรมเนียมของอุทยานฯ เป็นคนละส่วนกับค่าขึ้นเกาะ

ก่อนอื่นต้องขอเล่าละเอียดนิดหนึ่ง คือนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างประเทศ เมื่อลงเรือที่ท่าเรือบ้านเพ เพื่อข้ามไปเกาะเสม็ด ทันทีที่ขึ้นที่ท่าเรือ อบจ. (ท่าเรือที่มีรูปปั้นผีเสือสมุทรยืนตระหง่านอยู่) จะต้องเสียค่าขึ้นเกาะ คนไทย 20 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติราวๆ 40-60 บาท

จากนั้นนักท่องเที่ยวทุกคนจะเดินทางไปยังที่พักริมหาดที่จองไว้ ก็จะต้องต่อรถสองแถว หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ โดยบนเกาะจะจัดการจราจรเดินรถทางเดียว รถทุกคันต้องไปผ่านหน้าสำนักงานอุทยานแห่งชาติฯ และโดนเรียกเก็บค่าเข้าอุทยานฯอีกรอบ คนไทย 40 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ คนละ 200 บาท

การเก็บค่าธรรมเนียม ไม่มีใครว่า เพราะมีป้ายประกาศเอาไว้ชัดเจน เป็นกติกาที่รู้กัน แต่ปัญหาคือ มีการกำหนดเวลาให้นักท่องเที่ยวสามารถอยู่บนเกาะเสม็ดได้แค่ 5 วัน และต้องพกบัตรเข้าอุทยานฯนี้ เอาไว้ตลอดเวลา เผื่อเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจ ซึ่งหากตรวจแล้วพบว่าบัตรหมดอายุ หรือไม่มีบัตรมาแสดง ก็ต้องถูกเก็บค่าตั๋วใหม่อีกคราวละ 200 บาท

นี่คือบัตรที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ด้านหนึ่งของบัตรเป็นภาพเกาะเสม็ด เขียนข้อความว่า "บัตรค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติภาคตะวันออก ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นกระดาษขาวๆ ไม่มีพิมพ์รูปอะไร แต่มีปั๊มข้อความว่า "พกบัตรค่าธรรมเนียมติดตัวระหว่างท่องะเที่ยวบนเกาะเสม็ด เกาะทะลุ และเกาะกุฎี ตลอดการท่องเที่ยวครั้งนี้"

ดูจากข้อความที่ปั๊ม ไม่มีตรงไหนเขียนเงื่อนไขว่าให้ต่ออายุทุกๆ 5 วัน หรือให้เที่ยวได้คราวละ 5 วัน หนำซ้ำข้อความยังเป็นภาษาไทย ไม่มีภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาสากลอื่นๆ

เรื่องนี้ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนรู้สึกไม่ดี เพราะมองว่าเป็นการเสียเงินจุกจิก และมักถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจอยู่เป็นประจำ ประกอบกับท่าทีของเจ้าหน้าที่บางคนก็ไม่ค่อยเป็นมิตร ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนเกรงว่าจะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด

รถน้ำประปาเจอค่าต๋งเที่ยวละ 30 บาท-เดือนละ 700

การเก็บค่าผ่านทางบนเกาะยังไม่หมดแค่นี้ "ล่าความจริง" ยังได้รับข้อมูลร้องเรียนจากผู้ประกอบกิจการรถบรรทุกน้ำประปา เพื่อนำไปจำหน่ายบนเกาะเสม็ด (เพราะบนเกาะไม่มีน้ำประปาใช้ ต้องซื้อน้ำจากฝั่งระยอง) ผู้ประกอบการร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเวลารถบรรทุกน้ำผ่านเข้าอุทยานฯ โดยเก็บเป็นรอบที่รถผ่าน รอบละ 30 บาท แต่ถ้าเจ้าของกิจการรายใดต้องการจ่ายเป็นรายเดือน ก็ต้องจ่ายในราคา 700 บาทต่อเดือน (หากผ่านด่านทุกวัน ราคาจ่ายเหมาถือว่าถูกกว่า) แต่ปัญหาก็คือ การจ่ายเงินค่าผ่านทางของรถบรรทุกน้ำ ไม่มีใบเสร็จใดๆ เป็นหลักฐาน
นี่คือสารพัดปัญหาบนเกาะเสม็ดที่ "ล่าความจริง" นำมาตีแผ่ โดยข้อกล่าวหาและการตั้งข้อสังเกตเรื่องค่าธรรมเนียมเที่ยวเกาะที่ต้องต่ออายุทุกๆ 5 วัน และค่าผ่านทางรถบรรทุกน้ำ "ล่าความจิง" พยายามสอบถามไปยังหัวหน้าอุทยานฯเกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ไม่ขอออกความเห็น โดยบอกว่าให้สอบถามจากหัวหน้าอุทยานฯเพียงผู้เดียวเท่านั้น

logoline