svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ย้อนรอย 2 นัดบอลโลก "ช้างศึก" ปะทะ "จิงโจ้"

14 พฤศจิกายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนนี้ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ต้องลงทำศึกนัดสำคัญกับ "จิงโจ้" ออสเตรเลีย ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี นัดที่ 5 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. เกมดังกล่าว จะถือเป็นครั้งที่ 6 ที่ทั้งคู่พบกันในเกมที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ให้การรับรอง


โดย 5 นัดที่ผ่านมา ปรากฎว่า ไทย ต้องพบกับความพ่ายแพ้ทั้ง 5 ครั้ง ยิงได้แค่ 1 ประตู และเสียถึง 13 ประตูด้วยกัน ซึ่ง 3 นัดแรกที่พบกัน เกิดขึ้นในศึก เมอร์ไลออน คัพ ปี 1982 ไทย แพ้ 0-4 และ 0-2 ตามลำดับ ก่อนจะพบกันอีกครั้งศึกเอชียนคัพ 2007 รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ปรากฎว่า ออสเตรเลีย บุกถล่ม ไทย 4-0 ถึงสนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนอีก 2 เกม เกิดขึ้นในปี 4 ปีถัดมา (2554) ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันในรายการระดับโลก เนื่องจากเดิมที ออสเตรเลีย หากินในโซนโอเชียเนีย ได้ขอย้ายมาคัดเลือกฟุตบอลโลก ในโซนเอเชีย ทำให้ได้มีโอกาสพบกัน!!!

ย้อนรอย 2 นัดบอลโลก "ช้างศึก" ปะทะ "จิงโจ้"


2 ก.ย. 54 : "มุ้ย" ยิงเม็ดแรกก่อนบุกพ่าย 1-2
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แต่งตั้ง "วินนี" วินฟรีด เชเฟอร์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน เข้ามาคุมทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ซึ่งเกมแรกของ "วินนี่" คือการพาทีมชนะ ปาเลสไตน์ 1-0 ในเกมแรกของรอบเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลกฯ ก่อนที่นัด 2 จะบุกเสมอ 2-2 ทำให้สกอร์รวมชนะ 3-2 ผ่านเข้ารอบ 2 ไปได้ตามคาด
ฟุตบอลโลกฯ รอบ 2 ไทย จับฉลากอยู่สาย ดี ร่วมกับ โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย และออสเตรเลีย ซึ่งเกมแรกของรอบนี้ ไทย ต้องออกไปเยือน ออสเตรเลีย ที่สนามซันคอร์ป เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 2 กันยายน 2554
ทีมชาติไทย ขนผู้เล่นที่ดีที่สุดในช่วงนั้นไปประเทศออสเตรเลียอย่างครบครัน ก่อนที่ 11 คนแรก "วินนี่" เลือกใช้ระบบ 4-5-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล กองหลังจากขวา จักรพันธ์ แก้วพรม, ชลทิตย์ ตันทคาม, นิเวส ศิริวงศ์, ศุภชัย คมศิลป์ กองกลางตัวรับ สุรัตน์ สุขะ กับ อดุล หละโสะ, ริม้สนขวา สมปอง สอเหลบ, ริมเส้นซ้าย รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, กองกลางตัวรุก ดัสกร ทองเหลา (กัปตันทีม) และกองหน้าตัวเป้า "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา
ด้าน ออสเตรเลีย ภายใต้การคุมทีมของ โฮลเกอร์ โอเซี๊ยค ส่งดาวดังที่ค้าแข้งในลีกยุโรปลงสนามหลายคน นำโดย ทิม เคฮิลล์ กองกลางจากสโมสรเอฟเวอร์ตัน, มาร์ค ชวาร์เซอร์ นายทวารจอมเก๋า, ลูคัส นิลล์ กองหลังร่างยักษ์ และแบร็ตต์ เอเมอร์ตัน กองกลางจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์
เริ่มเกมมาแค่ 15 นาที แฟนบอล "ซอคเกอร์รูส์" เงียบกริบทั้งสนาม เมื่อ สมปอง จ่ายบอลออกขวาให้ จักรพันธ์ เติมเกมบุกขึ้นมา ก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ "มุ้ย" ธีรศิลป์ วิ่งมาแปด้วยซ้าย สวนตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์ ย้อนเสียบเสาแรกให้ ไทย นำ 1-0 และเป็นประตูแรกที่ ไทย เจาะตาข่าย ออสเตรเลีย ได้ประตูดังกล่าวสร้างความหวังให้กับแฟนบอลชาวไทยได้เป้นอย่างมาก เพราะรูปเกม ไทย สู้ได้ไม่เป็นรอง อีกทั้งความกดดันตกไปอยู่กับเจ้าถิ่น
ทว่าครึ่งหลังนาที 58 เกมรับ ไทย เสียบสมาธินิดเดียว ปล่อยให้ แม็ต แม็คคาย สับไกยิงจังหวะแรก สินทวีชัย ปัดออกมาเข้าทาง โจชัว เคเนดี้ ซ้ำโล่งๆ ชนิดไร้ตัวประกบเข้าไปตุงตาข่าย 1-1
เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วก่อนจบเกมแค่ 3 นาที โจชัว เคเนดี พักบอลให้ อเล็กซ์ บรอสเก ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมา ซัดผ่านมือ สินทวีชัย เข้าไป เป็นประตูชัยให้ ออสเตรเลีย ชนะ 2-1 ทำเอานักเตะไทยต้องผิดหวังเพราะยันไม่อยู่

ย้อนรอย 2 นัดบอลโลก "ช้างศึก" ปะทะ "จิงโจ้"



15 พ.ย.54 : ไทยกลับเฝ้ารังแพ้หวุดหวิด 0-1
หลังจากแพ้ ออสเตรเลีย 1-2 เกมนัดถัดมา ไทย เปิดบ้านถล่ม โอมาน 3-0, เปิดบ้านเสมอ ซาอุดิอาระเบีย 0-0 และบุกแพ้ ซาอุดิอาระเบีย 0-3 ก่อนจะพบกับ ออสเตรเลีย อีกครั้ง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ซึ่ง ไทย เลือกเล่นที่สนามศุภชลาศัย
เกมดังกล่าว ไทย มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น 4 คนด้วยกัน แต่ยังยึดระบบ 4-5-1 เหมือนเดิม ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, กองหลังจากขวา ชลทิตย์ จันทคาม, นิเวส ศิริวงศ์, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ (กัปตันทีม), ศุภชัย คมศิลป์ กองกลางตัวรับ สุรีย์ สุขะ กับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ริมเส้นขวา จักรพันธ์ แก้วพรม, ริมเส้นซ้าย รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กองกลางตัวรุก ดัสกร ทองเหลา และกองหน้าตัวเป้า กีรติ เขียวสมบัติ ส่วน ออสเตรเลีย ไม่มีแค่ ทิม เคฮิลล์ ที่บาดเจ็บ นอกนั้นยังยึดแข้งจากลีกยุโรปลงสนามเป็นหลักเหมือนเดิม
สถานการณ์ก่อนเกม ไทย จำเป็นต้องมีแต้มเพื่อโอกาสลุ้นเข้ารอบ ส่วน ออสเตรเลีย นำเป็นจ่าฝูงของตาราง หากชนะเกมนี้จะลอยลำเข้ารอบ 3 ทันที
เกมครึ่งแรก ไทย พยายามสู้กับ ออสเตรเลีย ได้อย่างไม่เป็นรอง แต่ด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งของทีมเยือน ประกอบกับประสบการณ์ของนักเตะทำให้การเจาะเข้าทำค่อนข้างลำบาก และจบครึ่งแรกด้วยผลเสมอ 0-0
ครึ่งหลัง ไทย ส่งทั้ง "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา และ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย ลงสนาม แต่นาที 76 แบร็ตต์ เอเมอร์ตัน วางบอลให้ แบร็ตต์ โฮลแมน โหม่งตุงตาข่ายให้ ออสเตรเลีย นำ 1-0 และเป็นประตูชัยในเกมนี้ให้ "จิงโจ้" เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มทันที
ขณะที่ ไทย มีแค่ 4 คะแนนเท่าเดิม และเวลานั้นต้องลุ้นให้ ซาอุฯ ไม่ชนะ โอมาน เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป ซึ่งผลปรากฎว่าทั้งคู่เสมอกัน 0-0 ทำให้ ไทย ต้องบุกชนะ โอมาน ในเกมสุดท้าย แต่ความหวังได้จบสิ้น เพราะ ไทย โดน โอมาน สอย 2-0 ทำให้ "ช้างศึก" ตกรอบในฐานะอันดับสุดท้ายของกลุ่ม

logoline