svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รายการสุดกับหมาแก่ นำเสนอ "พรรคกับผู้นำพรรค"อะไรสำคัญกว่ากัน ปชป.-ก้าวไกล ว่าไง

27 มิถุนายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รายการสุดกับหมาแก่ ทาง Nation TV 22 นำเสนอ"ประเด็น"พรรคกับผู้นำพรรค" อะไรสำคัญกว่ากัน ประชาธิปัตย์ -ก้าวไกลว่าไง จากโพลนิด้าล่าสุดเกิดอะไรขึ้นกับ 2 พรรคนี้และทิศทางข้างหน้าจะเดินไปอย่างไร

รายการสุดกับหมาแก่ นำเสนอ "พรรคกับผู้นำพรรค"อะไรสำคัญกว่ากัน ปชป.-ก้าวไกล ว่าไง

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64 รายการสุดกับหมาแก่ ทางช่อง Nation TV 22 ดำเนินรายการโดย นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กับแขกรับเชิญ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล มาร่วมพูดคุยในประเด็น "พรรคการเมืองกับผู้นำพรรค" อะไรสำคัญกว่ากัน
ผู้ดำเนินรายการได้อ้างอิงถึงผลโพลนิด้า ที่ดำเนินการโดยผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล ซึ่งล่าสุดผลโพล ในเดือนมิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คะแนนความนิยมตกแรงมาก เมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมา หายไปตั้ง 10 % แต่คู่แข่งทางการเมืองก็ไม่มีใครเรตติ้งเพิ่มขึ้นเลย บางพรรคตกลงอีกต่างหาก ภาษาคนทำโพล จึงมีคำถามโตๆเลยว่า เกิดอะไรขึ้น ซึ่งน่าวิเคราะห์กับการเมืองไทยในเวลานี้

รายการสุดกับหมาแก่ นำเสนอ "พรรคกับผู้นำพรรค"อะไรสำคัญกว่ากัน ปชป.-ก้าวไกล ว่าไง



จากข้อมูล ย้อนไปเมื่อก.ย.63 ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นฐานเสียงของ"ลุงตู่"เกิดอาการงอน เนื่องจาก เงินผู้สูงอายุไม่ออก เปอร์เซ็นลดฮวบเหลือ 18.64 % มิ.ย.64 เรตติ้งก็เหลือใกล้เคียงกับเดือนก.ย.63 คือประมาณ 19.32 % ดร.สุวิชา บอกว่า ผู้สูงอายุ ไม่ชอบเรื่องการบริหารโควิดได้ไม่ดี ส่วนพรรคอื่นๆก็คงตัว สุดท้ายดร.สุวิชา บอกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคก้าวไกลไม่เปลี่ยนหัวไม่เป็นไร แต่คงโตยากเหลือเกิน จึงเป็นประเด็นที่ต้องเชิญ คุณอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล มาร่วมสนทนา

รายการสุดกับหมาแก่ นำเสนอ "พรรคกับผู้นำพรรค"อะไรสำคัญกว่ากัน ปชป.-ก้าวไกล ว่าไง


จากเรตติ้งพรรคเพื่อไทยน่าวิเคราะห์ ไม่มีหัวหน้าพรรคการเมืองตัวจริง ไม่มีรายชื่อนายกรัฐมนตรี แต่ผลสำรวจเรตติ้งทุกครั้งมาอันดับ 1 ตลอด เป็นเรื่องที่แปลก ในขณะที่พรรคก้าวไกลกับพลังประชารัฐ ผลัดกันขึ้นลง ต้องชมก้าวไกล เด็กใหม่ทั้งนั้น แต่สามารถตีคู่กับพลังประชารัฐได้ก็น่าแปลก พรรคก้าวไกลยังค้ำอยู่ได้ที่ 12-13 % สำหรับประชาธิปัตย์ สำรวจกี่ครั้งก็ 7-8 % เมื่อดูเรตติ้งพรรคกับเรตติ้งคน ดร.สุวิชาจึงบอกว่า ก้าวไกล ปชป. ไม่เปลี่ยนหัวไม่โตแต่ไม่ตาย


คุณอันวาร์ เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
นายอันวาร์ ชี้แจงว่า โพลเป็นการไปสอบถามจากประชน ตั้งแต่ผมขับเคลื่อนภายในพรรคผลออกมาในรูปแบบนี้ เคยยื่นหนังสือในช่วงคนไหลออกจากพรรคต้องปรับปรุงนะ ต้องมีแนวทางที่ชัดเจน ไม่งั้นสภาพของพรรค คนจะหายไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค จะสังเกตที่ผ่านมาผมไม่มีวาระเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ผมมีวาระเรื่องเดียวคือการเปลี่ยนแปลงพรรค เปลี่ยนภาพพจน์ เปลี่ยนวิธีคิด ที่จะทำให้พรรคกับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนเหมือนในอดีต

ผู้ดำเนินรายการถามว่า นักการเมืองอาชีพอย่างคุณอันวาร์ เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาตั้งเยอะ ระหว่างผู้นำกับพรรค อะไรนำอะไรตาม
นายอันวาร์ กล่าวว่า ทั้ง 2 อย่างสำคัญทั้งคู่ แต่ในความรู้สึกของผม สิ่งที่สำคัญคือความเป็นพรรคต้องเป็นที่พึงพิง เป็นที่คาดหวังให้ได้ คือต้องไปรวมองค์ประกอบของพรรค ตั้งแต่หัวหน้า สมาชิก ที่ต้องทำภาพพจน์ บทบาท ในการทำหน้าที่เป็นที่พึงพิงของประชาชน และเคียงข้างเขาในสภาพที่มีปัญหาวิกฤตในขณะนี้
มาถามว่าในทางการเมืองอธิบายเรตติ้งของพรรคที่มากว่าผู้นำได้อย่างไร นายอันวาร์ กล่าวว่า สถานการณ์อย่างนี้ก็เกิดกับหลายพรรค ความจริงความคาดหวังที่เกิดขึ้นกับพรรค แฟนพันธุ์แท้ก็ยังอยู่ เพียงแต่ว่าในสถานการณ์ เหมือนคำว่า รักมากก็จะเกลียดมาก เวลาผิดหวัง ก็อาจจะผิดหวังมาก อะไรก็แล้วแต่ที่เรารัก เช่น คู่รักที่ทะเลาะกันแยกไปเดี๋ยวก็กลับมาคืนดีกัน ก็ต้องปรับกัน ต้องพูดคุยกัน สถานการณ์ก็ไม่ต่างกัน คิดว่าวันนี้ดูจากกระแสของนายกฯสวิงไปมา เพราะ ประชาชนส่วนใหญ่ผิดหวังกับนักการเมือง เพราะเขารู้สึกว่าในสถานการณ์อย่างนี้ปัญหาเขาเยอะเหลือเกิน การตอบสนองในการแก้ปัญหาของเขา นายกฯ อย่างไรก็นำตลอดแม้เรตติ้งจะตก แต่เปอร์เซ็นคนไม่ตัดสินใจยังมากกว่า 30 % แสดงว่าเขายังรอ อัศวินม้าขาวอยู่ เพราะฉะนั้นทุกพรรคการเมืองจะต้องช่วงชิง
"ประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาตลอดว่า ดีแต่พูด คบยากอะไรก็แล้วแต่ ส.ส.อย่างผมไม่ใช่ว่าสิ่งไม่ดีแล้วผมไม่พูด ผมพูดเพื่อแก้ไข เพราะเป็นผู้รับหน้าที่มาจากประชาชน ผมถึงสะท้อนปัญหาเพื่อหาแนวทางแก้ไข เพราะฉะนั้นในเปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ตัดสินใจซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก ก็ยังเปิดโอกาสให้กับทุกพรรคโดยเฉพาะการปรับตัวเองให้ขึ้นมา"

ผู้ดำเนินรายการ ถามนายวิโรจน์ ว่า จะอธิบายปรากฏการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรกับเรตติ้งของพรรคที่เหนือกว่าผู้นำ นายวิโรจน์ อธิบายว่า รู้สึกภูมิใจ เพราะว่าตั้งแต่อนาคตใหม่มายัง ก้าวไกล ในยุคนั้นเราพูดเสมอว่า อนาคตใหม่ ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คนและการเดินทาง คำว่าผู้คน ไม่ได้หมายว่า ส.ส. สมาชิกพรรค แต่หมายถึงประชาชนและผู้สนับสนุนพรรค หมายรวมถึงผู้ที่กำลังพิจารณาพรรคอยู่หรืออาจจะไม่พอใจพรรคอยู่ แต่คนเหล่านั้นคือประชาชน ที่เราจะโอบรับความแตกต่างหลากหลาย ไปด้วยกันเพื่อนำประเทศไปข้างหน้า อยากจะนำเสนอว่า ตั้งแต่อนาคตใหม่ ประเทศเราหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ตอนนี้มาก้าวไกล เราก็ยังก้าวเดินต่อไป คำว่าก้าวเดินเราไม่ใช่เลือกคนที่ชอบเรา แต่เราพยายามโอบรับความแตกต่างกัน อะไรที่เราปรับกันได้ก็ปรับกันสร้างความเข้าใจ เราก็เคารพซึ่งกันและกัน

ดังนั้นการที่เราสามารถจะเป็นความหวัง ในมุมของพรรคได้อย่างเหนียวแน่นและต่อเนื่อง จากตัวเลข 14 % ซึ่งเราอยู่มา 2 ครั้งต่อเนื่อง ดีกว่าครั้งแรกที่เราได้ 12 % เศษ แสดงว่าความหวังที่ประชาชนให้กับเราเพิ่มขึ้น และเหนียวแน่นขึ้น นี่คือสิ่งที่เราพยายามสร้างไม่ให้ยึดติดกับตัวบุคคล ถ้ายึดติดกับตัวบุคคล อุดมการณ์การก็จะแปรไปตามบุคคล แต่พรรคเราเอาอุดมการณ์เป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของหลายๆคนเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยมีหัวหน้าพรรค เป็นคนประสานความแตกต่างที่หลากหลายภายในพรรค แล้วพาเพื่อนๆ ส.ส.ผู้สมัคร สมาชิก ประชาชน ไปด้วยกัน

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ในความเป็นจริงทางการเมืองเมือง ผู้นำ จะต้องพาพรรคเดินไป แต่ขณะนี้เรตติ้งของพรรคนำ จึงไม่รู้ว่าใครอุ้มใคร ปรากฏการณ์อย่างนี้ ดร.สุวิชา จึงเป็นห่วงว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
นายวิโรจน์ กล่าว ทางการเมืองถ้าเราเอาระบบนิเวศน์เก่ามาตัดสินระบบนิเวศน์ใหม่มันก็จะเป็นแบบนี้ ในมุมมองของพรรคก้าวไกล เราพึงพอใจในระบบนิเวศน์ใหม่ เราพยายามสร้างพรรคให้แตะต้องได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ เป็นพรรคที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ในระบบนิเวศน์เก่าเราเคยถูกตำหนิว่า ปล่อยให้สมาชิกพรรค ประชาชน มาต่อว่าพรรควิพากษ์วิจารณ์พรรคได้อย่างไร ทำไมไม่ตอบโต้ ผมบอกว่าจะตอบโต้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่เราต้องการให้เป็นแบบนี้ ใครที่ไม่พอใจพรรค ต่อว่าได้ พรรคก็รับฟัง พยายามสกัดเรื่องของอารมณ์ออกไปแล้วเหลือแต่แก่น คนที่ว่าเรา คืออย่างนี้ คนที่เกลียดกันสุดๆจะไม่พูดอะไรกัน แต่คนที่ยังว่าเรา แสดงว่าเขายังอยากให้เราปรับปรุง ถ้าเราสกัดอารมณ์ออกไปแล้วเหลือแต่แก่น นี่คือระบบนิเวศน์ใหม่ที่เราต้องการ จะเห็นว่า มีสมาชิกพรรค หรือผู้สนับสนุนต่อว่าเราในบางนโยบายหรือบางการเคลื่อนไหว ที่ไม่ตรง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราน้อมรับเสมอ ดังนั้นกระแสพรรค และผู้นำก็เลี้ยงตามกันมา เป็นสิ่งที่เราต้องการให้เป็นในระบบนิเวศน์ใหม่

ผู้ดำเนินรายการ ยังไม่ได้คำตอบว่าทำไมเรตติ้งพรรคถึงนำเรตติ้งผู้นำ เป็นเท่าตัว ขณะที่ผู้นำพรรคการเมืองอื่นๆเรตติ้งตกมาก แต่ผู้นำพรรคก้าวไกลไม่ขยับเลย และขณะที่พรรคพลังประชารัฐเรตติ้งตก พรรคก้าวไกลก็แซงพลังประชารัฐ
นายวิโรจน์ ตอบว่า ก็เขาเชื่อในพรรค
ผู้ดำเนินรายการ แสดงว่า พรรคนี้เอาใครมาเป็นก็ได้
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ผมไม่ได้หมายความว่า ใครจะเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้ แต่หมายความว่า คนในพรรคหลายๆคนเป็นความหวังได้ โดยไม่ต้องให้ประชาชนรอว่าใครจะขึ้นมาเป็นใหญ่(Big tator) มาคอยชี้นิ้วแล้วทุกคนต้องเชื่อ

กลับมาที่ นายอันวาร์ ผู้ดำเนินรายการถามว่า อะไรเป็นปัจจัยหลักอะไรเป็นตัวประกอบระหว่างพรรคกับผู้นำ นายอันวาร์ กล่าวว่า ตอบยาก ขึ้นอยู่กับบางสถานการณ์ เช่น ความเป็นสถาบัน สำคัญมาก ผู้นำถึงใครจะอยู่หรือไป สถาบันต้องยังคงอยู่ อุดมการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ยึดจิตใจของประชาชนเอาไว้ ภาวะผู้นำก็สำคัญ และพรรคเราไม่มีใครจะสั่งชี้นิ้วให้ไปทางนั้นทางนี้ได้ แสดงว่าสมาชิกทุกคนต้องหลอมรวม ในทางการเมืองส.ส.มาจากหลายพื้นที่ มาตรฐานของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน แน่นอนที่สุดภาวะผู้นำต้องหลอมรวมตรงนี้ ให้แนวคิดขององค์กรต้องไม่ต่างกันมาก ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา

ผู้ดำเนินรายการ ความเป็นสถาบันเป็นปัจจัยหลัก ขณะเดียวกันจะไปได้ไกลขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำด้วยถูกไหม นายอันวาร์ ตอบว่า ถูกต้อง พร้อมกล่าวต่อ แต่กฎระเบียบรัฐธรรมนูญ เมื่ออกมาแล้วเป็นปัญหา จะสร้างปัญหาให้แต่ละพรรคด้วย ในวาระที่เราแก้ปัญหาที่พรรคเสนอ คือ เราเป็นส.ส.เราไม่ใช่ดูแต่ความเข้มแข็งของพรรคอย่างเดียว จุดหลักที่เรามาตรงนี้ เรามาทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ตนมองว่าความเป็นพรรคกับความเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน การที่จะทำให้ประชาชนอยู่รอดมีความสุข สำคัญกว่าพรรคด้วยซ้ำไป ถ้าเราคิดว่าแนวทางของเราถูก แต่เราลืมมองความสำคัญของเขาไป ใครจะเลือกเรามาเป็นตัวแทน ส.ส.ในสภา


เมื่อถามว่า ระหว่างตัวพรรคกับผู้นำอะไร เป็นปัจจัยทางความสำเร็จทางการเมือง ทางการเมืองต้องมีใครขึ้นมาจุดไฟฝันให้คนเดินตาม วันนี้พรรคก้าวไกล มีคนนั้นไหม นายวิโรจน์ กล่าวว่า มี เรายังเชื่อ คุณทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า จะสามารถประสานความฝันและความแตกต่าง พาทุกคนไปสู่จุดที่พาให้ประเทศเดินหน้า ภายใต้การโอบรับทุกคนไปด้วยกัน
ทำไมเรตติ้งคุณพิธาไม่ขึ้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนกลับคิดว่าเรตติ้งของคุณพิธาไม่ได้น้อย และเป็นเรตติ้งที่เราพึงพอใจ หลายครั้งไม่เฉพาะทางการเมือง ที่ชูเฉพาะผู้นำคนเดียวแล้วทิ้งภาพองค์กร ความฝันขององค์กร สุดท้ายผู้นำคนนั้นหายไป ไม่ว่าจะถูกกำจัดทางการเมือง ถูกเล่นงานจากอะไรก็ตาม ทำให้องค์กรที่เรามีความฝันร่วมกันสูญสลายหายไป ถ้าเรามุ่งหวังให้ก้าวไกลเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นความหวังของประชาชนที่หมุนไปตามกงล้อของกาลเวลาได้ นี่พูดจากใจจริงว่า เราไม่ควรยึดกับคนๆหนึ่งเลย

คือ คนหนึ่งหายไปความฝันทางการเมืองหายไปเลย ถ้าเรามองในมุมของโลกใบเดิม ที่เรามักเชื่อกันว่า เมืองไทยไม่สิ้นคนดี ผมว่าบางครั้งการมีส่วนร่วมของคนไทยที่ผ่านมาน้อย เพราะเราเชื่อว่าเราเชื่อผู้นำสักคนแล้วเราฝากความหวังไว้กับคนนี้ไปเลย แต่ระบบนิเวศน์ใหม่ที่เราต้องการสร้างไม่ใช่ คนๆนี้เป็นเพียงผู้ประสานที่จะพาทุกคนไปด้วยกัน ดังนั้นจึงเชื่อว่า คุณทิม จะเป็นผู้นำในระบบที่เราต้องการ เราต้องรอคุณพิธา เวลาพูดหลายๆคนคิดว่าพรรคก้าวไกลเป็นมา 10 ปีแล้ว แต่เราเพิ่งฟอร์มกันมา 2 ปีเท่านั้นเอง วันนี้การยืนหยัดของ คุณพิธา ที่ผ่านมาได้ 2 ปีเศษ ที่ยังตรึงความนิยมอยู่ได้และก็ยังมีกระแสพรรคสูงขึ้นมาเกือบ 15 % ตนก็ยังเห็นว่าเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจ

กลับมาที่ นายอันวาร์ มองอย่างไรกับระบบนิเวศน์นักการเมืองใหม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า จริงๆแล้วต้องยอมรับว่าต้องเปลี่ยน ไม่งั้นจะไม่เกิดคำว่า ดิสรัปชัน ขึ้นมา โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่ในจุดบางจุด ต้องชื่นชมหัวหน้าพรรคตน ตอนขึ้นมาครั้งแรก คำว่า แอดเวนเจอร์มาจากปากของท่านเลย นั่นคือการทำงานที่เป็นทีม แสดงว่าท่านก็ยอมรับว่าทำอย่างไรให้ทุกคนเป็นทีม สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนไปเรื่องของการทำงาน กรณีที่พูดถึงว่าสิ่งแวดล้อมเก่าสิ่งแวดล้อมใหม่ จะโยงว่า หลายครั้งในการเมืองเก่า เวลาต่อสู้ห้ำหั่น ในอดีตจะมองถึงการทำลายพรรค แต่ถ้าตนเป็นผู้บริหารในอนาคตหรือเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจจะไม่มองอย่างนั้น ผมจะเอาพรรคที่เก่งๆดีๆ มาตั้งไว้และหาคนเก่ง ดีๆมาทำงาน มีนโยบายดีๆทุกเรื่องมาเทียบเคียงแล้วแข่งขันการทำงาน โดยที่ไม่ทำลายกัน

ในวันที่พรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ์ คนที่ออกแบบกฎหมายทางสังคมออกมาบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูก และมีนักวิชาการ 4-50 คนออกมายืนยัน ตนก็รู้สึกไม่สบายใจในฐานะที่เป็นพรรคเพื่อนร่วมในสภา การทำงานแข่งขันโดยยึดเป้าหมายและทำให้ดีที่สุด ใครจะได้รับประโยชน์ ก็คือ ประชาชน ฉะนั้นโซลูชั่นใหม่ ในการทำพรรค ในการร่วมทำงานในสภา ไม่ใช่เรื่องการห้ำหั่นหรือฆ่าพรรคที่เป็นคู่แข่ง ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ในการเอาคนเก่งมาแข่งกันในเรื่อง นโยบาย วิธีคิด แล้วก็แข่งกันว่าใครทำดีที่สุดแล้วได้รับการตอบสนองและยอมรับจากคนที่อยู่ในสังคม อันนี้ดีกว่า

เมื่อถามว่า ประชาธิปัตย์จะไปอย่างไรในสถานการณ์ที่เรตติ้งผู้นำไล่ตามเรตติ้งพรรคในขณะนี้ นายอันวาร์ กล่าวว่า ตนมีเรื่องเดียวคือ ทำเรื่องของพรรคให้เข้มแข็งและตอบโจทย์ประชาชน ตนสะเทือนใจที่เห็นโพลนี้ คนที่จะเปลี่ยนพรรคไม่ใช่ตน เป็นโพล ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เก่าแก่ จดทะเบียนเป็นพรรคแรกอยู่มายาวนานมาก แต่โพลที่ออกมา ชื่อของคนที่ขึ้นมา มีพล.อ.ประยุทธ์ คุณหญิงสุดารัตน์ คุณพิธา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สุดท้ายคุณกรณ์ เป็นคนที่ออกจากพรรคไป แต่ไม่มีชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สะเทือนใจนะครับ นี่คือเรื่องที่เราต้องมาดูว่าทำอย่างไร โจทย์ได้บอกมาตั้งแต่เลือกตั้ง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ที่ประชาธิปัตย์ จากส.ส. 161 คน ลดลงมาเรื่อยๆเหลือ 50 คน ความจริงประชาชน เขาส่งสัญญานมาแล้ว และถึงเวลา ที่เราจะทำหน้าที่ตรงไหนที่เคียงข้างเขา ตอบสนองเขาให้ได้ ถ้าไม่อยู่ในบริบทนี้ ไม่ต้องไปดูผู้นำหรือสถาบัน มันจะต่อไปยาก ยกตัวอย่างของอเมริกา จอร์จ ดับเบิลยูบุช ผู้ลูกวันแรกเขาไม่ได้รับการยอมรับ ไม่ได้รับความเชื่อถือในตัวผู้นำ แต่พอประกาศทีมงาน นักธุรกิจเป็นแบ็คอยู่กับเขาทั้งหมด ความมั่นใจความน่าเชื่อถือกลับมาทันที ดังนั้นทุกพรรคก็ต้องแสดงศักยภาพออกมาในความเป็นผู้นำของพรรคก็ต้องแสดงออกมาด้วยเช่นกัน
"ยังพอมีเวลาในการเลือกตั้ง และไม่ได้อยู่เฉพาะภาวะการเป็นผู้นำกับระบบพรรค ยังขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เรากำลังพิจารณาบัตรใบเดียว บัตร 2 ใบ นี่ก็มีผลอีกด้านหนึ่งเลย มีผลต่อการเลือกตั้ง มีผลต่อคะแนนเสียง แน่นอนในอนาคต เสียดายการแก้ไขรัฐธรรมนูญผมมีประเด็นเรื่องนี้เยอะมาก แต่พูดได้แค่ 6 นาที เสนอได้แค่แนวคิดตุลาการสภา การแก้ไขปัญหาของเสียงข้างมาก อันนี้สำคัญมาก"

ผู้ดำเนินรายการ อยากให้คุณวิโรจน์ วิเคราะห์ 2 กรณีๆที่ 1 คือ พรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคไม่ปรากฏชัดเจน คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่ใช่ตัวจริง แต่เรตติ้งของพรรคแข็งมาก อยู่อันดับ 1 มาตลอด ขณะเดียวกันในแง่ ของก้าวไกล พยายามจะขายเรื่องผู้นำกลุ่ม ไม่ใช่ผู้นำเดี่ยว แล้วสามารถพาเหรดนำพรรคมาได้ขนาดนี้ลองวิเคราะห์ดู

นายวิโรจน์ ชี้แจงว่า คงไม่วิพากวิจารณ์เพราะว่า แต่ละพรรคจะมีรูปแบบการบริหารของตัวเอง ที่ตนพูดถึงบ้านบางระจัน บทเรียนของบ้านบางระจัน มีคุณค่ากับตนมาก คือ เป็นการต่อสู้ร่วมกันของคนธรรมดา ที่หวงแหนความเชื่อสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้คนธรรมดาร่วมกัน ถ้าเปรียบเทียบวันนี้ก้าวไกลเราเชื่อในสิ่งนั้น เราเชื่อของการรวมกันต่อสู้ของคนธรรมดา แต่เรามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ แล้วเราเอาความธรรมดามารวมกัน แล้วพากันเดินไปข้างหน้า เชื่อว่า ด้วยระบบนิเวศน์ใหม่ในยุคแบบนี้ ความฝันและคุณค่าของบ้านบางระจัน จะเกิดขึ้นและออกดอกผล ในยุคนั้นกับยุคนี้ คิดว่าการทำงานเป็นทีม การมีดาวกระจายหลายๆดวงที่ส่องแสงพร้อมกัน สามารถโอบรับความแตกต่างหลากหลาย ที่เป็นที่ยอมรับกันในยุคนี้ เช่นกลุ่ม แอลจีบีที ซึ่งเป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศหรือหลากหลายความเชื่อ ถ้าเราสามารถโอบรับเขาเหล่านั้นและเป็นกระบอกเสียงให้กับเขาได้ นี่เป็นทิศทางที่พรรคเราพยายามจะเดินไปข้างหน้า
ผู้ดำเนินรายการซักว่า แต่บางระจันมีผู้นำทางจิตวิญญาณ คือพระอาจารย์โชติ ซึ่งซับซ้อนกว่าเรื่องผู้นำกลุ่มคิดอย่างไร
นายวิโรจน์ กล่าวว่า มันเป็นความเชื่อที่ยังเชื่อในตัวบุคคล หรือเราเชื่อในอุดมการณ์ ตนพยายามจะตอบว่า ถ้าเราเชื่อในบุคคลหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางทุกอย่าง ก้าวไกลให้ความสำคัญกับคาริสมาของบุคคล แต่เราไม่เชื่อว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนชี้นิ้วและสั่งการทุกอย่างให้ทุกคน พยักหน้าแล้วทุกคนเดินตามไป แต่เราเชื่อว่าคนนี้ไม่ควรเป็นคน แต่เป็นอุดมการณ์ของพรรค เราควรเปิดให้มีแม่ทัพนายกองหลายคนที่มาจากคนธรรมดา ที่เปรียบเทียบกับบ้านบางระจัน นี่เป็นคุณค่าที่งดงามมาก เป็นการต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขารัก มองข้างหลังเป็นลูกเมีย เพื่อนฝูง นี่คือความรักที่เขาต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านี้ ทางเราเดินไปข้างหน้าคุณค่าเหล่านี้เราคิดว่าเป็นไปได้ ก้าวไกลกับอนาคตใหม่ก็พิสูจน์เรื่องนี้มาตลอด เราพยายามต่อสู้ในสิ่งที่คนคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แล้วเราทำสิ่งที่คนไม่เชื่อให้เกิดขึ้นได้มาเรื่อยๆก็ต้องท้าทายกันต่อไป

นายอันวาร์ แสดงความเห็นว่า พูดได้ในส่วนพรรคตน คุณจุรินทร์ทำงานหนักมาก แต่พูดน้อยไปหน่อย พยายามพิสูจน์ว่า ทำงานหนัก โดยไม่สนใจในเรื่องของการพูด เพื่อพิสูจน์ตัวเองและยังพอมีเวลาเหลืออยู่เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ทำ แน่นอนในประเทศมีประชาชนหลายภาคส่วน บางครั้งการที่จะตอบสนองโจทย์ทุกกลุ่มได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แน่นอนที่สุดในส่วนที่เราเคยกล่าวไว้ เรื่องประกันรายได้เราก็ทำสำเร็จเป็นเรื่องต้นๆ แต่ว่าจะถูกใจคนส่วนใหญ่หรือยัง เราต้องพิสูจน์โดยการทำงาน ทำผลงานให้หนักมากกว่านี้เพิ่มขึ้น ตนพยายามเสนอในพรรคว่าเราต้องปรับวิธีคิด อย่างกรณีที่หัวหน้าบอกว่าแอดเวนเจอร์ ก็คล้ายๆกับก้าวไกล ดาวกระจายและก็ยังมีกลุ่ม ตนว่าการจะเป็นพลังหลังจากนี้ไป ในแต่ละพื้นที่ก็ต้องมีความโดดเด่นของตัวเอง มีผลงานแล้วทุกอย่างประกอบกัน ถึงจะนำพรรค นำพาองค์กรไปต่อได้ นี่ก็เป็นแนวทางหนึ่ง

อธิบายอย่างไรกับผลโพลที่เรตติ้งของพรรคและผู้นำในภาคใต้ตกลงไปมาก ต้องยอมรับ ตนอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายภาคใต้ มีส.ส.11 คน แต่เลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์กลับมาได้แค่ตนคนเดียว การทำงานของตนในวันนี้กับอดีตก็ไม่เหมือนกัน ทำไมในระยะเวลาสั้นๆตนถึงได้ทำงานในเชิงรุกมาก เมื่อก่อนตนไม่มีสถานะทำงานแบบหนึ่ง พอมาตั้งผมเป็นรองเลขาธิการพรรค เราต้องทุ่มเททำงาน ให้เห็นว่าการทำงานทำเพื่อเขาจริงๆ ที่สำคัญที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เลือกตนเข้ามาคนเดียวมันมีราคามีมูลค่าที่สูงมาก ที่ตนต้องทุ่มเท บางครั้งก็กระทบคนในพรรคก็ต้องขออภัย ในสิ่งดีงามที่ตนทำให้พรรคกลับมาอยู่ในจิตใจของคน นำมาซึ่งการยอมรับและศรัทธาเป็นที่เชื่อมั่นของเขาเหมือนอย่างในอดีต ประโยคที่ว่าประชาธิปัตย์เอาเสาไฟลงก็ได้ ไม่ได้ดูถูก แต่คนเชื่อว่าเรา จะทำให้เขา ถ้าพรรคเลือกใครเข้ามา เขาเชื่อในระบบของพรรคที่ทำอย่างนั้น แต่เหตุการณ์นั้นผ่านเลยไปแล้ว วันนี้เราก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้กลับมาอยู่ในจุดที่เป็นความคาดหวังของพี่น้องประชาชน ถึงแม้จะทำงนยากมากก็ต้องทำ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 62 ประชาธิปัตย์แพ้ย่อยยับ ภาคใต้ก็แพ้มากเพราะประกาศว่าไม่เอาลุงตู่ วันนี้ประชาธิปัตย์ประกาศเอาลุงตู่ถึงขนาดคุณชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประกาศกลางสภาวันก่อนว่า ต้องไม่ลาออก ต้องไม่ยุบสภา ลุงตู่เท่านั้นถึงจะนำพาประเทศได้ นำพาการแก้รัฐธรรมนูญได้ เมื่อกลับมาเอาลุงตู่ ทำไมเรทติ้งยังตกอยู่ในภาคใต้

นายอันวาร์ กล่าวว่าว่า จะสรุปอย่างนั้นไม่ได้ ตอนประกาศว่าจะเอาหรือไม่เอาลุงตู่ตอนเลือกตั้ง พื้นที่ผมก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น กฎเกณฑ์หรือบริบทของกฎหมายก็สำคัญมาก คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถูกกฎหมายพิเศษ เรื่องของกฎอัยการศึกมานานมาก เพราะฉะนั้นลุงตู่ไม่ได้เป็นป๊อปปูลาในพื้นที่ตน เพราะฉะนั้นจะสรุปอย่างนั้นได้อย่างไร การสรุปอย่างนั้นอาจจะเร็วไป เป็นผลจากการศึกษาหรือเปล่า แค่ดูตัวเลขง่ายๆอย่างนั้น ตนคิดว่าอาจจะไม่ใช่ข้อสรุปที่แท้จริง น่าจะทำการศึกษาว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ วันนี้ถามว่าพี่น้องชาวประมงใน 22 จังหวัด เขาแทบจะบอกว่าเหมือนฆ่าเขาทิ้งเลย นี่ก็จะมีผลต่อการเลือกตั้ง ในพื้นที่ใครอยู่ติดชายทะเล พลังประชารัฐ ก็จะมีปัญหา ถึงบอกว่ามันไม่ใช่แค่ผู้นำ โยงไปถึงกฎเกณฑ์ เราถึงพยายามแก้กฎเกณฑ์ให้เป็นธรรม อยู่ในกฎกติกาเดียวกัน แล้วมุ่งสู่การแข่งกันเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ของประชาชนอันนี้ดีที่สุด

ผู้ดำเนินรายการ จุดยืนทางการเมือง จุดยืนทางประชาธิปไตยมีผลต่อการเมืองภาคใต้ไหม นายอันวาร์กล่าวว่า แน่นอนคนในพื้นที่ผมอยู่กับปัญหาหนักๆมานาน มีความสำคัญมาก คนภาคใต้ถึงส่งลูกเรียนกฎหมาย

ผู้ดำเนินรายการ สิ่งที่จะเติมพรรคก้าวไกลให้เต็มขึ้นที่จะเดินไปต่อ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เติมเรื่องทางออกจากความวุ่นวายในสังคม ทางออกของปัญหาปากท้อง จากกระแสคนรุ่นใหม่ที่อยากย้ายประเทศ มันสะท้อนถึงความสิ้นหวังบางอย่าง ดังนั้นเราจะทำอย่างไรที่จะร้อยรัดความหวังของผู้คน ให้มีความเชื่อว่าประเทศนี้ยังไปต่อได้และไปได้จริงๆ นี่คือสิ่งที่เราพยายามจะทำ มันไม่ใช่แค่ทางออก แต่เป็นความหวังที่เราจะเสนอต่อสังคม และเป็นความหวังที่พร้อมโอบรับทุกคน ตนพูดเสมอว่าคนที่ชอบกินทุเรียนกับคนไม่ชอบสามารถอยู่ร่วมกันได้

logoline