svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศบค. เผย วันนี้รู้ "ล็อคดาวน์กทม." หรือไม่ พบคลัสเตอร์ใหม่ในกรุงเทพฯอีก 8 แห่ง

25 มิถุนายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศบค.พบ 8 คลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่กทม.ปรับมทบ.11 รับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง-แดง พร้อมขอความร่วมมือเอกชน-โรงเรียนแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วย เผยนายกฯ เรียกทีมแพทย์ ถกล็อกดาวน์ บ่าย 2 นี้ ขอให้ปชช. ติดตาม พร้อมวางมาตรการเข้มทหารเกณฑ์ประจำการใหม่ 60,000 นายทั่วประเทศ

วันนี้ (25 มิ.ย.64) ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ ประจำวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน ว่า ผู้ป่วยรายใหม่ 3,644 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,451 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 11 ราย จากเรือนจำที่ต้องขัง 162 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 207,428 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 236,291 ราย หายป่วยแล้ว 1,751 ราย หายป่วยสะสม 165,680 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 44 ราย เสียชีวิตสะสม 1,725 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 41,366 ราย ในโรงพยาบาล 14,702 ราย โรงพยาบาลสนาม 26,644 ราย อาการหนัก 1,603 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 460 ราย สำหรับผู้ได้รับวัคซีนรวม 8,657,423 โดส สะสมเข็มที่หนึ่ง 6,206,353 ราย สะสม เข็มที่สอง 2,451,070 ราย

สำหรับผู้ป่วย โควิด-19 เสียชีวิต 44 ราย เพศชาย 26 ราย เพศหญิง 18 ราย อายุระหว่าง 29- 92 ปี ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสูงสุดอยู่ที่ 31 วัน โดยเป็นชาวไทย 42 ราย เมียนมา 1 ราย ลาว 1 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 20 ราย สมุทรปราการ 12 ราย ยะลา สระบุรี จังหวัดละ 2 ราย กาญจนบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี สมุทรสาคร สุพรรณบุรี ปัตตานีนครสวรรค์ ชลบุรี จังหวัดละ 1 ราย

ศบค. เผย วันนี้รู้ "ล็อคดาวน์กทม." หรือไม่ พบคลัสเตอร์ใหม่ในกรุงเทพฯอีก 8 แห่ง



สำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 31 ราย พบเดินทางจากประเทศมาเลเซีย 1 ราย เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนผ่านช่องทางธรรมชาติ เพศหญิงอายุ 44 ปี สัญชาติไทย อาชีพพนักงานร้านอาหาร โดยวันที่ 18 มิถุนายนตรวจพบติดเชื้อไม่มีอาการ เข้ารับการรักษา LQ นราธิวาส/ โรงพยาบาลสนามนราธิวาส เดินทางจากประเทศเมียนมา 1 รายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ผ่านช่องทางธรรมชาติ เพศชายอายุ 26 ปี อาชีพพนักงานเอนเตอร์เทน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนพบติดเชื้อมีอาการ LQ ตาก / โรงพยาบาลแม่สอด ส่วนที่เดินทางจากประเทศกัมพูชา 28 ราย พบว่ามีทั้งเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและทางช่องทางธรรมชาติ โดยพบว่าวันที่ 20 มิถุนายน มีการเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ เป็นเพศชาย 7 ราย อายุ 23- 40 ปี เพศหญิง 10 ราย อายุ 18- 28 ปีสัญชาติไทย 17 ราย อาชีพไม่ระบุ 14 ราย และรับจ้างทั่วไป 3 ราย โดยพบติดเชื้อไม่มีอาการ 9 ราย มีอาการ 8 ราย เข้าพักที่ LQ จันทบุรี/ โรงพยาบาลปกเกล้า 17 ราย

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยรายใหม่ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 10 อันดับแรก กรุงเทพมหานคร 1,142 ราย สมุทรสาคร 295 ราย ยะลา 215 ราย ปทุมธานี 192 ราย สมุทรปราการ 186 ราย ชลบุรี 183 ราย นนทบุรี 157 ราย สงขลา 134 ราย นครปฐม 1,119 รายและปัตตานี 79 ราย วันนี้มีรายงาน 8 คลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือ เขตบางขุนเทียนมีรายงานใหม่ 3 คลัสเตอร์ บริษัทผลิตถังแก๊ซปิโตรเลียมรายงานติดเชื้อ 49 ราย บริษัทขนมขบเคี้ยวติดเชื้อ 33 รายและบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางพบติดเชื้อ 80 ราย เขตบางบอน บริษัทผลิตเสื้อผ้า เขตบางแค บริษัทจำหน่ายพลาสติก บรรจุภัณฑ์ภาชนะ และเขตคลองสามวา 2 คลัสเตอร์ คือ แคมป์คนงาน ถนนพระยาสุเรนทร์ มีรายงานติดเชื้อ 40 ราย และแคมป์ก่อสร้างคู้บอน มีรายงานติดเชื้อ 15 ราย และเขตสวนหลวง แคมป์ก่อสร้างพัฒนาการ 38 พบผู้ติดเชื้อ 198 ราย จากการตรวจคนงานทั้งหมด 233 ราย และวันนี้กรุงเทพมหานคร รายงานคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 107 คลัสเตอร์ ส่วนใหญ่ยังเป็นคลัสเตอร์หลักที่เฝ้าระวัง ในแคมป์คนงาน โรงงาน ตลาด ชุมชน สถานประกอบการ

ในส่วนของต่างจังหวัดที่พบการระบาดและมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นประจำวันที่ 25 มิถุนายน เช่น จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นคัตเตอร์ใหม่ เขตลาดหลุมแก้ว โรงงานขนม พบผู้ป่วยรายใหม่ 56 ราย และที่ เมืองปทุมธานี บริษัทผลิตลวดโลหะ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย จังหวัด สมุทรปราการ พบคลัสเตอร์ใหม่ พื้นที่บางพลี บริษัทชิ้นส่วนยานยนต์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 129 ราย จังหวัดนนทบุรี พื้นที่บางกรวย บริษัทผลิตภัณฑ์พลาสติก ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย จังหวัดนครปฐมพื้นที่สามพราน โรงฆ่าสัตว์ตำบลท่าข้ามพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย และจังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่บางประกงบริษัทผลิตสีติดเชื้อรายใหม่ 12 ราย

พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมศปก.ศบค. มีความกังวลเรื่องและพยายามขยายศักยภาพโรงพยาบาล โดยเฉพาะการรองรับเตียงในระดับความรุนแรงสีแดง โดยวันนี้มีรายงานแผนขยายศักยภาพโรงพยาบาลและเตียง โดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ มณฑลทหารบกที่ 11 ได้มีการเชิญภาคเอกชนดูสถานที่เพื่อที่จะปรับเป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยระดับสีเหลืองและระดับสีแดง โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ปรับระดับสีเหลือง 70 เตียงระดับสีแดงเพิ่ม 16 เตียง โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เพิ่มสีเหลือง 100 เตียง สีแดง 40 เตียง โรงพยาบาลธนบุรี เพิ่มเตียงสีเหลือง 200 เตียง สีแดง 55 เตียง คาดว่าในระยะเวลา 1 สัปดาห์จะสามารถปรับพื้นที่ และระดมบุคลากรเข้าประจำการและสามารถให้การบริการได้ นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือเอกชน ให้พยายามแบ่งเตียง เพิ่มจำนวนเตียงตามศักยภาพ และขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ทั้งบุคลากรด้านอื่นๆ เพื่อเข้าช่วยเหลือในส่วนของเตียงที่จะเปิดใหม่ในส่วนกทม.และ ปริมณฑล รวมไปถึงโรงเรียนแพทย์ โดยในที่ประชุมจะมีการเสนอแพทย์ประจำบ้าน หรือ แพทย์ที่จบใหม่กว่า 2,000 คน ที่จะสามารถช่วยระดมความช่วยเหลือในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยความพยายามที่จะเพิ่มศักยภาพการขยายเตียงรับผู้ป่วยในระดับรุนแรงของพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

นอกจากนี้ที่ประชุมศปก.ศบค.มีการหารือในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลพบคลัสเตอร์ใหม่ ซึ่งคัดแยกตามลักษณะของการติดเชื้อจะเห็นได้ว่า แคมป์คนงาน โรงงาน ตลาด ชุมชนที่มีการเฝ้าระวังและมีการรายงานมาอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ ที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า 28 วัน ซึ่งทำให้เห็นได้ว่าการจัดการ Bubble and Seal หรือการปิดพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและมีการเฝ้าระวังจัดการให้เบ็ดเสร็จอยู่ในพื้นที่นั้นๆ มีความแตกต่างจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครที่เคยศึกษามาในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยปกติ มีการปิดโรงงานให้คนงานอยู่ในนั้น 16 - 28 วัน การแพร่ระบาดก็จะยุติ และจะสามารถทำให้คนกลุ่มนี้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่มีการหารือกันว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครบริบทของแคมป์คนงาน ตลาด และโรงงาน มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง จากการบับเบิ้ลแอนด์ซีน 28 วันในพื้นที่กรุงเทพฯไม่สามารถจบคลัสเตอร์หรือกลุ่มก้อนการติดเชื้อเหล่านี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความร่วมมือ เนื่องจากแคมป์คนงานโรงงาน เมื่อสั่งปิดก็จะมีการเล็ดรอดออกไปยังพื้นที่ตลาด ชุมชน ทำให้ไม่สามารถปิดการแพร่กระจายเชื้อ ทำให้เห็นว่าในพื้นที่กรุงเทพฯยอดผู้ติดเชื้อสูงถึง 13 คลัสเตอร์ สะท้อนให้เห็นภาพของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่สามารถใช้การล็อกดาวน์ได้

หากแยกตามกลุ่มย่อยของการติดเชื้อ ถ้ามีลักษณะการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน โรงงานสถานประกอบการ ตลาด และชุมชน โดยข้อเสนอในสัปดาห์นี้ที่มีการถกเถียงกันคือ การปิดล็อคดาวน์กรุงเทพฯ ที่กระทรวงสาธารณสุขเองมีความเป็นห่วงการแพร่ระบาด ขยายวงกว้าง และทำให้เตียงหรือระบบสาธารณสุขที่ทำงานกันอย่างหนัก รองรับไม่ไหว โดยที่ประชุมมีการหารือกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเน้นย้ำว่า จะต้องรับฟังทุกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องเตียง ซึ่งมีความเป็นห่วง และพยายามที่จะขยายศักยภาพ โดยนายกรัฐมนตรีและย้ำมาตลอดและพยายามที่จะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาให้เร็วที่สุด โดยในช่วงสัปดาห์นี้ก็จะเห็นผู้ประกอบการสถานประกอบการต่างๆ มีการยื่นเรื่องข้อเสนอให้ทบทวนมาตรการการปิด หรือล็อกดาวน์

พร้อมยืนยันศบค.รับฟังทุกฝ่าย และเห็นใจลูกจ้างที่ทำงานประจำ โดยกรมควบคุมโรคมีการเสนอในลักษณะการล็อคเป็นจุด มีองค์ประกอบ 3 จุดคือ ปิดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง บุคคลกลุ่มเสี่ยง ช่วยในเฉพาะพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าว ความผิดเฉพาะคนกลุ่มเสี่ยง หรือปิดในกิจกรรมเสี่ยง มากกว่าการปิดทั้งหมดกรุงเทพฯ ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะเห็นภาพชัดเจนแทนที่จะปิดล็อกทั้งจังหวัดอาจจะมีการหารือว่า ตำบลไหน ตลาดใด หรือแคมป์คนงานก่อสร้างใดเสี่ยง ให้ล็อคเฉพาะพื้นที่ โดยสิ่งสำคัญมีความเป็นห่วงว่านอกจากการล็อกจะไม่ได้แก้ปัญหา แต่จะทำให้เป็นการจุดชนวนของปัญหามากขึ้น เช่นตัวอย่างแนวโรงเรียนมัรกัส ซึ่งมีการแพร่กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆใน 11 จังหวัด ยืนยันว่ามีการหารือกันอย่างทุกแง่มุม

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า โดยในวันนี้เวลา 14.00 น จะมีการหารือเรื่องการล็อกดาวน์โดยมีนายกรัฐมนตรีร่วมกับคณะที่ปรึกษาทั้งตัวแทนด้านสาธารณสุข กระทรวงแรงงานและมหาดไทย โดยขอให้ประชุมชนติดตามผลการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้

ขณะที่มีการรายงานรับทหารกองเกินเข้าประจำการ ซึ่งมีการนำเสนอการเตรียมความพร้อมทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ รวมทั้งประเทศอยู่ที่ 60,000 คน โดยจะมีการรายงานตัวผ่านที่ว่าการอำเภอ มีมาตรการคัดกรองโดยยึดตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายในช่วงการพักคอยมีการจัดสถานที่ยึดหลักเว้นระยะห่าง ล้างมือ โดยในระหว่างการเดินทางก็จะมีการเว้นระยะห่างที่นั่งบนรถ จะไม่มีการแวะระหว่างทาง และเมื่อถึงจะมีการกักตัวอบรมให้ความรู้ 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อเข้าไปปะปนในกองทหาร โดยสำหรับผู้ที่ไม่สามารถมารายงานตัวได้ขอให้นำเอกสารมายืนยันก็จะไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อสิ้นสุดการกักตัวก็สามารถดำเนินการรายงานตัว โดยผู้ที่มาจากพื้นที่สีแดงเข้มหรือมีประวัติถูกส่งตัวไปที่ โรงพยาบาล โดยต้องขอความร่วมมือในส่วนของทหาร วิธีการปฏิบัติการอย่างเข้มงวดกับปลายทางที่ทหารจะเดินทางไปยังพื้นที่จังหวัดนั้น โดยเน้นไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดวางมาตรการเข้มงวดในพื้นที่จังหวัดในวันที่ 1 -3 กรกฎาคมนี้ จึงฝากไปยังผู้ปกครอง งดเว้นการเดินทางไปส่งบุตรหลาน เพื่อให้ราชการเป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย นอกจากนี้มีการขอวัคซีนให้กับทหารเกณฑ์ที่จะเข้าประจำการใหม่ และครูฝึก

logoline