25 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่บ้าน2ชั้นเลขที่5 บ้านฮ่องไผ่ ม.14 ต.กำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม นางสาวอุดมพร พันทอง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า แม่อายุ 91 ปีแล้ว ทุกวันในช่วงกลางวัน จะออกมานั่งที่แคร่ไม้ไผ่ข้างบ้าน ซึ่งแม่อายุมากแล้ว หูตาฝ้าฟางมองไม่ค่อยเห็น หูก็ไม่ค่อยได้ยิน ในวันเกิดเหตุวันที่ 22 มิถุนายน แม่ของตนอยู่กับพี่สาวคนที่1 ชื่อนางคำ พันทอง อายุ 71 ปี หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ พี่สาวก็ไปนอนอยู่หลังบ้าน แม่ก็นั่งที่แคร่ไม้ไผ่ตามปกติ คาดว่าคนร้ายจะเดินเข้ามา ก่อนจะเปิดประตูบ้าน และขึ้นไปรื้อค้นทรัพย์สินที่ข้างบนก่อน แต่ไม่ได้ทรัพย์สินอะไร ก็ลงมาค้นทรัพย์สินที่ตู้ข้างล่าง ได้เงินของแม่ไป 9,000 บาท และเงินของพี่สาวคนโตไป 30,000 บาท ซึ่งกว่าจะรู้ว่าขโมยขึ้นบ้านก็ช่วงเย็น ๆ หลังจากที่ตนกลับมาจากทำงานแล้ว ก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ
ซึ่งเงินที่หายไปพี่สาวเก็บเงินมาตลอดชีวิต ส่วนเงินของแม่ ก็เป็นเงินที่ลูกหลานเอามาให้ และเงินจากเบี้ยคนชราที่ได้เดือนละ 1,000 บาท คาดว่าคนร้ายจะเป็นคนในหมู่บ้าน เพราะรู้ว่าแม่ดวงตาฝ้าฟาง หูไม่ได้ยิน จึงย่ามใจก่อเหตุ เพราะหากเป็นคนต่างหมู่บ้าน ถ้าเห็นคนอยู่ คงไม่กล้าเดินเข้าบ้านแน่ ๆ อยากบอกคนร้ายว่า เอาเงินไปแล้วหากมีจิตสำนึกก็ขอให้เอามาคืน ถึงแม้ว่าจะไม่ครบก็ตาม สงสารคนแก่ เก็บเงินมาตลอด เอาไปแล้วก็ไม่มีความสุขหรอก เหมือนเป็นบาปในใจติดตัวไปจนวันตาย
นางเหลา พันทอง อายุ91 ปี เล่าว่า ตนเองอยากได้เงินคืนเพราะเป็นเงินที่เก็บหอบรอมริบมาตลอดชีวิต ซึ่งเป็นเงินที่ลูกๆไปทำงานที่กรุงเทพ ฯลฯแล้วส่งเงินมาให้เอาไว้ใช้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย และซื้อหมากซื้อพลูไว้เคี้ยว ถ้าจับได้ยายขอตีหัวสักโป๊ก ว่าเอาเงินยายไปทำไม