ทั้งนี้ พ.ท.มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ได้เรียก จ.ส.อ.ยงยุทธ สุขเกษม ครูฝึก มาสอบถามข้อเท็จจริงหลังจากมีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของผู้ก่อเหตุว่าไม่พอใจที่ถูกครูฝึกทำร้ายเมื่อช่วงที่อยู่ในค่ายทหาร ซึ่งทางครูฝึกได้ยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกาย ปฏิบัติตามกรอบของการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์ โดยอดีตทหารเกณฑ์ดังกล่าวมีผลการฝึกค่อนข้างดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหมวดบรรจุที่กองร้อยที่ 2 ซึ่งครูฝึกก็อยู่กองร้อยดังกล่าวด้วย แต่อดีตทหารเกณฑ์ผู้นี้อยู่ไม่นาน และหมุนไปอยู่กองร้อยที่ 3 เกือบสองปี ส่วนรุ่นพี่ที่ถูกระบุว่าทำร้ายร่างกาย ปลดออกไปก่อน 1 ปี และเมื่อย้อนดูประวัติการป่วยทางจิตเวชพบว่าก่อนการเข้ามาเป็นพลทหารไม่มีการแจ้งประวัติดังกล่าว แต่มารดาเคยให้ข้อมูลในช่วงที่เข้ามาประจำการแล้วว่าเคยรักษาอาการและหายเป็นปกติแล้วจนกระทั่งเมื่อปลดประจำการก็เข้ารับการรักษาอาการอีกครั้ง
ทางหน่วยต้นสังกัดกำลังรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดจากการสอบครูฝึกเพื่อนในรุ่นและรุ่นพี่ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี และรุ่นพี่พลทหารอาสาก็ปลดประจำการไปแล้ว แต่ครูฝึกยืนยันว่าไม่มีการซ้อมหรือทำร้ายร่างกายแต่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าในช่วงการฝึกปรับพื้นฐานกองพันจู่โจมซึ่งมีฝึกหนักทดสอบความอดทนทางร่างกาย และจิตใจ มีรายละเอียดอย่างไร เพราะหากมีการทำเกินกว่าเหตุ มีการร้องเรียนและสอบสวนพบว่าผิดจริงก็ต้องลงโทษ อีกทั้งนโยบายของกองทัพบกในปัจจุบันเคร่งครัดในเรื่องดังกล่าวและกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับทหารใหม่ แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปีแล้วทำไมถึงนำมาอ้างเป็นเหตุหลังยิงผู้อื่นเสียชีวิตและยังนำชุดทหารมาใส่เพื่อยิงผู้อื่นต่อไป