วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 20.50 น. ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับคสช.กลายพันธุ์ ที่บอกว่ารับไปก่อนเดียวก็ไปแก้ทีหลัง สังคมไทยเราช้ำกับคำนี้มากี่รอบแล้ว เราถูกหลอกมากี่รอบแล้ว ตนตั้งคำถามว่าเมื่อรับหลักการวาระหนึ่งจะแก้มาตรา 145 และมาตรา 185 แต่กรรมาธิการวาระสองจะให้แก้กลับไปโดยไม่แก้ได้อย่างไร และมีอะไรการันตีได้ว่ากรรมาธิการวาระสองจะแก้กลับไปเป็นแบบเดิม ประชาชนถูกหลอกซ้ำซ้อนมากี่ครั้งแล้ว เรื่องนี้ต้องรับมาเป็นบทเรียนเปิดโอกาสให้ส.ว.มาร่วมสังฆกรรมด้วย สิ่งที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่ามีหลายคนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ส.ว. ตนจึงขอให้นายวันชัยรอดูการโหวตของส.ว.ว่าท่านใดจะโหวตอย่างไร แล้วจะได้รู้ว่ามีคนเอาชั่วมาใส่ส.ว.หรือมีส.ว.บางคนมีความชั่วที่เกิดเป็นสนิมจากเนื้อในตม
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ก็พูดกันอยู่นั่นว่าระบบการเลือกตั้ง นำของรัฐธรรมนูญปี40 มาบังคับใช้ถามว่าเราจะนำของ 20 ปีก่อนมาใช้ใน 20 ปีถัดมาหรือ วันนี้สังคมเราเปลี่ยนไปแล้ว บริบทการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญปี40 มุ่งสร้างสองพรรคใหญ่ในระบบนิเวศเดิมจะสามารถตอบโจทย์ประชาชนในยุคนี้ได้อย่างไร จะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีฝุ่นใต้พรม และการปฏิรูปที่ที่ประชาชนต้องการจะถูกพูดถึงในสังคมแห่งนี้ควรแก้ไขเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ระบบการเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญปี40 ไม่ได้อยู่ในระบบนิเวศปี40 เพราะเราเจอกับรัฐธรรมนูญที่เป็นเงื่อนไขของคสช. มัดตราสังค์เต็มไปหมด ส.ว.ยุคนั้นมาจากเลือกตั้ง แต่ยุคนี้มาจากการแต่งตั้งของคสช. ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้เลือก
"ผลผลิตของยุทธศาสตร์ชาติคือกองเอกสารเท่านั้นที่ไม่ได้ทำให้ประชาชนรอดผลจากวิกฤตไปได้ ส่วนความสำคัญที่ต้องแก้ไขมาตรา 272 หรือปิดสวิตช์ส.ว.นั้นไม่ต้องอ้างว่าทำประชามติได้รับคะแนน 16.8 ล้าน เสียงจากประชาชน ผมยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ใช่ฉบับที่ทำประชามติครั้งที่ผ่านมา เพราะหลังจากที่ผ่านพลเอกประยุทธ์ก็มีการแก้ไขรายมาตรา โดยที่ไม่ได้มีการทำประชามติด้วยซ้ำ ดังนั้นขอให้เลิกวาทะกรรมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติมาสักทีเพราะแก้ไขโดยพลเอกประยุทธ์มาหลายครั้ง แถมในคำถามพ่วงก็ยังมีคำถามนำอีกด้วย
นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 การฉีดวัคซีนในประเทศเราก็เหมือนกับฉีดน้ำเกลืออาบน้ำมนต์ เมื่อเลือกคนผิดแล้ว ประชาชนยังคิดจะเลือกกันอีกหรือ ส่วนที่บอกว่าส.ส.ลถแกอำนาจมาปิดสวิตช์ส.ว.นั้นถามว่า ใครกันแน่ที่ลุแกอำนาจ เมื่อส.ส.ยึดโยงกับประชาชน แล้วเราก็รู้กันดีว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยในขณะที่ส.ว.ก็ทราบดีว่ามาจากกลไกของคสช. และพลเอกประยุทธ์ก็มีส่วนเลือกเข้ามา ดังนั้นอย่าใช้คำนี้ ผมจึงยืนยันว่าต้องทำประชามติที่ให้อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญคืนกลับไปสู่ประชาชน เพื่อให้อำนาจอธิปไตยอยู่ที่ประชาชนและในวันนั้นไม่ใช่แค่ปิดสวิตช์ส.ว. หากส.ว.มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชนแบบนี้ ต้องรื้อสวิตช์และเหลือแต่สภาผู้แทนราษฎรที่ยึดโยงกับประชาชนเท่านั้น" นายวิโรจน์ กล่าว