21 มิถุนายน 2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตำรวจภาค 4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 รับเรื่องร้องเรียนและฟังข้อมูลจากนางจุฑารัตน์ พิก้อทท์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ม.2 ต.วังหิน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ นำเอกสาร หลักฐานของรถทางการเกษตร 3 คัน คือ รถแม็คโคร รถเกี่ยวข้าวและรถบรรทุก 6 ล้อ รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท เอกสารการผ่อนจ่ายค่างวดกับบริษัทไฟแนนซ์ เอกสารการโอนเงิน การพูดคุยระหว่างนางจุฑารัตน์และผู้ยักยอกทรัพย์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอแจ้งความ เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับคนที่ยักยอกฉ้อโกงเอาทรัพย์สินไป เข้ายื่นร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4
นางจุฑารัตน์ กล่าวว่า เดิมรู้จักพ่อผู้ก่อเหตุมานานกว่า 10 ปี เพราะนำรถทางการเกษตรมาติดต่อของาน จึงได้รู้จักกับผู้ยักยอกทรัพย์รายนี้ด้วย โดยช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาไม่มีงานจ้าง เพราะการแพร่ระบาดของไวรัวโควิด 19 จึงไม่มีเงินไปจ่ายค่าผ่อนส่งงวดรถ จึงได้ปรึกษาผู้ยักยอกรายนี้ ก็ได้รับปากว่าจะช่วยเหลือ จึงได้นำรถทั้ง 3 คันมาส่งให้ถึงบ้าน พร้อมทั้งทำสัญญาโอนลอยด้วย เพราะผู้ยักยอกบอกว่าจะได้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องหนี้สินค่ารถให้
"หลังโควิด-19ระบาด การทำมาหากินเป็นไปด้วยความลำบาก จึงได้ติดต่อกับผู้ชายคนนี้ เพื่อสอบถามเรื่องงานที่จะใช้รถแมคโครและรถเกี่ยวข้าว ซึ่งชายคนนี้บอกว่ามีงานจ้างเยอะ จึงตัดสินใจจ้างรถบรรทุกขนรถเกี่ยวข้าวจากจ.เพชรบูรณ์ มาทำงานที่อ.บรบือ จ.มหาสารคาม และปล่อยให้รถและลูกจ้างจัดการเกี่ยวข้าวไปตามปกติ จากนั้นตนเองก็เจอผลกระทบจากทางบริษัทไฟแนนซ์ทวงถามค่างวด แต่งานไม่มี เงินก็ไม่มี ไม่มีรายได้ จึงไปบวชชี เป็นเวลา 6 เดือน และได้ขอคำปรึกษาในกรณีที่บริษัทไฟแนนซ์ทวงถามค่างวดรถแมคโครกับรถเกี่ยวข้า ชายคนนี้จึงบอกให้ทำเรื่องซื้อขาย เรื่องโอนกรรมสิทธิ์ ด้วยความไว้ใจจึงให้ผู้ชายคนนี้จึงโอนลอยทรัพย์สินให้ แล้วนำรถมาส่งถึงที่บ้าน ที่อยู่ในอ.บรบือ จ.มหาสารคาม และยังบอกว่า จะจัดการหางานทำ หาเงินส่งค่างวดรถให้ และจะส่งมอบรถคืนให้พร้อมรายได้ทั้งหมดให้ภายในสิ้นปี 2564 นี้ " นางจุฑารัตน์ กล่าว
กระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2564 ผู้ยักยอกทรัพย์อ้างว่าจะปิดงวดรถแมคโครกับบริษัทไฟแนนซ์ จึงขอเงิน 145,000บาท พร้อมหนังสือมอบอำนาจ จึงจัดการให้ ซึ่งนำเงินไปปิดงวดจริง แต่บริษัทคิดจำนวนเงินปิดค่างวดรถเพียง 120,000 บาท พร้อมมีข้อความแจ้งมาในโทรศัพท์มือถือว่ามีการชำระค่างวดและปิดยอดการชำระรถแมคโครเรียบร้อยแล้ว กระทั่งทางบริษัทแจ้งว่า ผู้ชายรายนี้นำหนังสือสัญญาซื้อขาย และหนังสือมอบอำนาจที่ทำกันขึ้นมา ไปที่บริษัทไฟแนนซ์ เพื่อขอเอาสมุดทะเบียนรถแมคโคร กับบริษัท แต่บริษัทไม่ให้เพราะชื่อคนที่ทำสัญญาและเจ้าของรถต้องเป็นคนคนเดียวกัน เมื่อบริษัทแจ้งเรื่องมาให้ทราบ จึงทำเรื่องอายัดเล่มทะเบียนไว้เช่นกัน และทำให้ทราบว่ามีการฉ้อโกงและถูกยักยอกเอาทรัพย์สิน จึงได้ทวงเอารถทั้งหมดคืน
"เมื่อติดต่อทวงคืนรถทั้ง 3 คัน ผู้ยักบอกรายนี้ได้ขอเงินสด 300,000 บาท เป็นค่าดูแล ค่าซ่อมแซมรถ จึงจะคืนรถทั้งหมดให้ จึงได้ยืมจากหนี้นอกระบบมาจ่าย แต่ถึงเวลาจะรับรถ กลับไม่มารับเงินและไม่ยอมคืนรถ ทั้งยังเรียกร้องเงินค่ารถทั้ง 3 คัน ตามสัญญาซื้อขายที่ทำกันไว้ คือ รถเกี่ยวข้าว ราคา 1.3 ล้านบาท รถแมคโคร ราคา 1.5 ล้านบาท และรถบรรทุก6 ล้ออีก ราคาแสนกว่าบาท แต่ถ้าไม่มีตามราคาดังกล่าว จะขอเงิน 1,500,000 บาท ที่ผ่านมาได้ไปทวงถามถึงบ้าน แต่ก็ไม่พบรถแมคโคร มีเพียงรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่ในบ้าน เชื่อว่าชายคนนี้มีการวางแผน ยักยอกทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บรบือ แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะชายที่ยักยอกทรัพย์ได้มาแจ้งความไว้แล้วก่อนหน้านี้ จึงตัดสินใจเดินเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 เพื่อขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว เพื่อเอารถมาทำมาหากิน หาเงินใช้หนี้"
พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ได้รับเรื่องไว้พร้อมสอบถามรายละเอียดจนเป็นที่ชัดเจนแล้ว มอบหมายให้ พ.ต.อ.อรัญ รักการ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.4 สอบปากคำนางจุฑารัตน์ พิก้อทท์ เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการส่งเรื่องไปยังท้องที่ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามขั้นตอน