อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้เตรียมอากาศ Nitrox ให้นักดำน้ำทุกท่านได้ใช้ในทุกไดฟ์ตลอดการปฏิบัติการ เนื่องจากระดับน้ำลึกพอสมควรซึ่งภายหลังภารกิจเสร็จสิ้น ตนได้กำชับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามและกำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบหาแหล่งที่มาของอวนและประมาณการค่าเสียหายของแนวปะการังและค่าใช้จ่ายจากการปฏิบัติการครั้งนี้ รวมถึงเร่งรัดการประกาศกฎกระทรวงกำหนดให้เกาะโลซิน เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ตามมาตรา20 แห่ง พรบ. ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณภาพถ่ายจาก iManCameraที่เป็นแนวหน้าในการถ่ายภาพแนวปะการังนำมาสู่ปฏิบัติการช่วยชีวิตปะการังเกาะโลซินในครั้งนี้ และขอบคุณ Just DiveThailand ด้วย รวมถึง นักดำน้ำอาสาสมัคร หน่วยงานกองทัพเรือ ศรชล.รวมทั้ง อาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจจนทำให้ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดีสุดท้ายตนต้องฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน "ขึ้นชื่อว่า ขยะก็คงไม่มีใครต้องการ ปะการังเองก็ไม่ต้องการขยะอวนนี้เช่นกันการลักลอบทำประมงอย่างขาดจิตสำนึกทำลายปะการังไม่อาจรับได้เศษขยะยิ่งตกค้างมากเท่าไหร่ แสดงถึงจิตสำนึกที่ตกต่ำของผู้กระทำมากเท่านั้น"
ด้านนายโสภณ ทองดีอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่าทีมปฏิบัติเก็บกู้อวนเกาะโลซินได้เดินทางจากท่าเทียบเรือของฐานทัพเรือสงขลาเมื่อค่ำวันที่18 มิถุนายน 2564 โดยได้ลงดำน้ำเก็บกู้อวน 2 วัน สามารถเก็บกู้อวนขึ้นมาได้ทั้งหมดรวม 800 กิโลกรัม โดยอวนมีความยาว 200 เมตร กว้าง 50 เมตร และได้ลงดำน้ำครั้งที่ 3เพื่อประเมินความเสียหายของปะการัง และซ่อมแซมกิ่งที่แตกหักเสียหายและเดินทางกลับถึงฐานทัพเรือสงขลา ทรภ. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564ซึ่งจากการสำรวจและประเมินเบื้องต้น อวนได้ปกคลุมแนวปะการังกว่า 2,750 ตารางเมตรปะการังได้รับความเสียหายประมาณ 550 ตารางเมตร ลักษณะความเสียหายหลัก คือปะการังซีดจาง ฟอกขาวบางส่วน คิดเป็นร้อยละ 10 ปะการังแตกหัก ได้แก่ปะการังเขากวาง ปะการังแผ่น ปะการังจาน คิดเป็นร้อยละ 5 และปะการังมีรอยถลอก เสียดสี คิดเป็นร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมดนอกจากปะการังยังมีผลกระทบอื่นๆ ประกอบด้วย ดอกไม้ทะเล และสัตว์หน้าดินจำพวกปูและหอยเม่น ถูกทับและพันเกี่ยว อย่างไรก็ตาม กรมฯได้กำหนดแผนการฟื้นฟูทันที โดยจะดำเนินการปลูกทดแทนในพื้นที่เสียหายสำหรับการดำเนินการทางกฎหมาย กรมฯได้มอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (ปัตตานี)เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อเจ้าพนักงานสอบสวนสืบหาผู้กระทำผิดซึ่งคาดว่าเป็นเรือประมงเครื่องมือประมงอวนล้อมหินหากพบมีการทำประมงในพื้นที่จะมีความผิดตามคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเรื่องพื้นที่คุ้มครองปะการังในบริเวณพื้นที่กองหินใต้น้ำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เนื่องจากทำให้ปะการังเสียหาย แตกหักและตาย มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ