วันนี้ (21 มิ.ย.64) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีหนังสือปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามสนับสนุนวัคซีนบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)เพื่อฉีดให้กับพนักงานและครอบครัว และได้มีการยกเลิกในภายหลัง ว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือแก้ไขแล้วยืนยันว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. โดยสรุปให้มีช่องทางที่จะสนับสนุนให้กลับบุคคลและกลุ่มบุคคลรวมไปถึงองค์กรได้ แต่ต้องเข้าสู่ช่องทางหมอพร้อม การกระจายวัคซีนเป็นของ ศบค. จะกระจายไปในพื้นที่ใดหรือจำนวนเท่าไหร่เมื่อกระจายไปแล้วผู้ที่จะดำเนินการต่อคือ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่า ถือเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนและไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้ใคร ทุกคนรู้ดีว่าการทำงานของข้าราชการ พรรคการเมืองและรัฐบาล หรือของใครก็แล้วแต่ต้องตอบสนองต่อประชาชนส่วนใหญ่ ใครที่คิดจะไปตอบสนองต่อกลุ่มใคร อย่างที่รู้ว่าสังคมก็จะไม่ยอม เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนแต่ก็ได้แก้ไขแล้ว
เมื่อถามว่าต่อไปจะระวังอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ พลเอกอนุพงษ์ ยังกล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาแต่เจตนาของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค. มท.) ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเอื้อใครพูดง่ายๆ คือเจตนาที่จะดูแลประชาชน เป็นหลัก ใครก็ต้องทำอย่างนั้นสังคมจึงจะยอมรับได้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้
ด้านพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. ชี้แจงกรณีเดียวกันว่า ศบค. กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับ ขอรับการฉีดวัคซีน 3 ช่องทางประกอบด้วย 1. การลงทะเบียนผ่าน Application หมอพร้อม 2. การลงทะเบียนผ่าน อสม. ฝ่ายปกครอง และองค์กร และ 3 การลงทะเบียนแบบ on site ซึ่งรูปแบบ การลงทะเบียนของภาคเอกชน อยู่ในวิธีการลงทะเบียนข้อที่ 2 คือ ผ่านองค์กร ที่ผ่านมามีการเสนอขอมาจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง
แต่ ศบค. ได้กำกับเงื่อนไขเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนไปด้วย เรียงลำดับจาก กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขด่านหน้า กลุ่มอาชีพเสี่ยง กลุ่มที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และ ประชาชนทั่วไป ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน ไม่ใช่ว่าใครเสนอขอมาก่อนแล้วจะได้รับการจัดสรรวัคซีนก่อน อีกทั้ง ไม่สามารถขออนุญาตเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของพนักงานหรือลูกจ้างได้ พร้อมย้ำการขอรับวัคซีนในรูปแบบของหน่วยงานและกลุ่มองค์กรสามารถทำได้ เพื่อประโยชน์ในการฉีดวัคซีนแบบหมู่ ตามความจำเป็น จึงขอประชาชนอย่ามองว่ามีการใช้ผ่านช่องทางพิเศษ หรือ ใช้เส้นสายแต่อย่างใด
ส่วนการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพื้นที่ภูเก็ต sandbox ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ในการตรวจความพร้อมขั้นสุดท้าย ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมที่จังหวัดภูเก็ตวันที่ 25 มิถุนายนนี้ จะมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศบค. ลงไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย พร้อมย้ำว่าทุกอย่างจะประเมินไปตามสถานการณ์จริงทั้งหมด และยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ในพื้นที่