เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เยี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุขนารถ ผบก.สส.สตม.. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ศปศก.สตม. เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ Mr.Lian BinBin สัญชาติจีน ตามหมายจับที่ 516/2564 ข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการทวงหนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ น.ส.ณัฐชุตา กุลเชษฐ์ ตามหมายจับ ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ที่ จ 299/2564 ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการทวงหนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินนอกระบบในแอปพลิเคชั่นที่โฆษณาตามสื่อออนไลน์ต่างๆ จึงได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่ามี 6 แอปพลิเคชั่น 1.แมวกวัก 2.Tiktak 3.Ubaht 4.Cashdaddy 5.เต่ามงคล และ 6.ถุงเงิน ซึ่งมีนายทุนจีนคือ Mr.Lian BinBin และ น.ส.ณัฐชุตา กุลเชษฐ์ คนไทยร่วมกันเปิดแอปพิเคชั่นเงินกู้นอกระบบดังกล่าว จึงได้ขออนุมัติหมายค้นเข้าทำการตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 30 ชอยหมู่บ้านจันทิมาธานี 2 ต.บางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ตรวจค้นพบสมุดบัญชีเงินฝากจำนวย 15 เล่ม บัตรกดเงิน 10 ใบ และโทรศัพมือถือ 13 เครื่อง จึงได้อายัดไว้ทำการตรวจสอบ จากนั้นจึงขยายผลเข้าทำการตรวจสอบอาคารโฮมออฟฟิค เลขที่ 13 ซอยรัตนาธิเบศร์ 30 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ อย่างละประมาณ 100 เครื่อง โดยภายในอาคารแห่งนี้ยังพบว่ามีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นพนักงานโทรทวงหนี้ จำนวน 66 คน โดยกระจายกันทำงานอยู่ในแต่ละชั้น
จากการสอบปากคำ Mr.Lian BinBin ผ่านล่ามแปลภาษา ให้การว่า เพิ่งเข้ามาลงทุนเปิดธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพิเคชั่น ได้ประมาณหนึ่งปีโดยร่วมกันกับหุ้นส่วนคนไทย
ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ร่วมกันเปิดแอปพิเคชั่น 6 แอป ในการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เมื่อประชาชนตกลงกู้เงิน จะต้องทำการส่งข้อมูลส่วนตัวพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ให้กับทางแอปฯดังกล่าวแล้ว จะสามารถกู้เงินได้ตั้งแต่ 2,500-10,000 บาท โดยจะคิดหักค่าธรรมเนียมประมาณ 30 - 42% และมีกำหนดระยะเวลาให้คืนภายใน 7 วัน หากเกินกำหนดวันแรกจะถูกบวกดอกเบี้ย+ค่าปรับ 12% ส่วนวันถัดๆไปจะบวกเพิ่มอีกวันละ 5% หากไม่ชำระตามที่กำหนด จะถูกเจ้าหน้าที่โทรตามทวงหนี้ หรือโทรติดตามจากญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก แทนเพื่อให้เกิดความอับอาย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายแอปแห่งนี้ประมาณ 7 หมื่นราย มีบางรายถูกโทรข่มขู่ จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ จนนำมาสู่การเข้าค้นและจับกุมในที่สุด