14 มิถุนายน 2564 ที่ห้องประชุมแซมซาย ตึก 100 ปี รพ.สุรินทร์ นายแพทย์ประวีณ ตัณฑประภา ผอ.รพ.สุรินทร์ ได้กล่าวชี้แจงกรณีมีคนป่วย ว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไม่รับรักษา มีอาการหนักต้องเข้าห้อง icu จนคนไข้ต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมกับเปิดคลิปวงจรปิด ให้กับสื่อมวลชนได้ชมภาพในวันที่เกิดเหตุ
นายแพทย์ประวีณ ตัณฑประภา ผอ.รพ.สุรินทร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ตามคลิปภาพจะเห็นว่า ตั้งแต่รถยนต์กระบะคนป่วยมาจอดเมื่อเวลา 00.02 น. ของวันที่ 13 มิ.ย 2564 โดยมีพี่ชายของคนป่วยอุ้มคนป่วยลงมาจากรถยนต์กระบะ และเดินไปที่หน้าประตูโรงพยาบาล พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่แปลมารับ และเข็นเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันที โดยยังไม่ได้ทำบัตรหรือซักประวัติใดๆ เมื่อเข้าไปถึงภายในห้องฉุกเฉิน พี่ชายคนป่วยก็โวยวายกับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งน้องผู้หญิงที่อยู่ภายในห้องฉุกเฉิน ก็เดินไปแจ้งยัง รปภ. ให้เข้าไปดูว่ามีญาติผู้ป่วยมาโวยวายภายในห้องฉุกเฉิน รปภ.จึงได้เข้ามาเชิญญาติของผู้ป่วยออกจากห้องฉุกเฉินด้วยคำพูดที่สุภาพ พร้อมกับบอกญาติว่าให้ไปทำบัตรด้วย พร้อมกันนี้ที่เตียงคนไข้ ได้มีแพทย์และพยาบาลมารุมดูอาการกันอยู่ เกือบ 10 คน โดยคนไข้ได้มีอาการขัดขืนไม่ยอมให้ตรวจ หมอจึงถามผู้ป่วยว่าไม่อยากให้หมอตรวจเหรอ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำคนไข้ไปยังจุดพักดูอาการคนป่วย และหมอที่ดูแลคนป่วยก็ได้เดินออกจากห้องไป เพราะเป็นช่วงต่อเวร จึงได้ให้หมอคนต่อไปที่รับเวรดูอาการผู้ป่วยต่อเป็นการส่งเวรต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข็นเตียงออกมาเพื่อจะรอดูอาการ ในจุดที่รอดูอาการ แต่คนไข้ไม่ยอมพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปที่ประตูเพื่อกดปุ่มเปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉินไม่ยอมรับการรักษา โดยพยาบาลที่อยู่ในห้องนั้นก็ได้เดินตามและถือกระเป๋าของผู้ป่วยออกมาด้วย เมื่อออกมาจากห้องฉุกเฉิน คนป่วยก็เดินมาพบกับพี่ชายตนเอง และได้สวมกอดกัน และได้พากันเดินขึ้นรถไปโดยไม่มีอาการฟุบอย่างที่พี่ชายคนป่วยเล่า ซึ่งคลิปทั้งหมดนี้ตั้งแต่คนป่วยจอดรถมาถึงโรงพยาบาลและจนถึงเวลาเดินออกจากโรงพยาบาลใช้เวลาประมาณไม่ถึง 8 นาที เท่านั้น
ผอ.รพ.สุรินทร์ ได้บอกอีกว่า พี่ชายคนป่วยที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้นไม่เป็นความจริง แพทย์และบุคลากร รีบเข้ามาดูแลคนไข้ตลอด และเมื่อข่าวแบบนี้ออกไป ทำให้บุคลากรทางการแพทย์น้อยใจเป็นอย่างมาก และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลสุรินทร์ จึงอยากจะแถลงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบว่า ทางโรงพยาบาลนั้นไม่เคยทอดทิ้งหรือปฏิเสธการรักษาคนไข้ เราดูแลคนไข้ทุกคนเช่นญาติ ส่วนจะมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้น ขอปรึกษากับทางผู้ใหญ่ก่อนว่าจะดำเนินคดีหรือไม่