14 มิถุนายน 2564 ทีมข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายพงษ์สิริ จันทมี (เก่ง) อายุ 25 ปี (คนไข้) ว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าของวันที่ 12 มิถุนายน 2564 (เข้าวันใหม่ของวันที่ 13 มิ.ย) ได้มีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยออก และเจ็บหัวใจ จุกที่ลิ้นปี่ จึงได้ให้พี่ที่รู้จักกันนำตัวส่งโรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ พี่จึงได้ขับรถไปที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสุรินทร์ จะมีรถเปลมารับและส่งเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินโดยมีพี่ตามเข้าไปด้วย พี่ได้รอสักประมาณ 30 นาที ก็จะมีพยาบาลเข้ามาไล่พี่ให้ออกไปรอข้างนอก
นายจักรรินทร์ กันทวงศ์ อายุ 29 ปี คนที่ไปส่งคนไข้ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า คืนนั้นคนป่วยมีอาการช็อคหายใจไม่ออก เจ็บบริเวณหน้าอกตลอดแล้วก็ฟุบลงกับพื้น ตนจึงได้พยุงตัวของน้องขึ้นมา แล้วนำส่งโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาลก็มีเจ้าหน้าที่เปลมารับคนป่วยตามปกติ น้องก็จับแขนของตนนั้นเอาไว้เหมือนน้องจะขาดใจประมาณนั้น ตนจึงได้เข้าไปในห้องฉุกเฉินกับน้องด้วย บริเวณในห้องฉุกเฉินที่เห็นก็คือเห็นหมอประมาณ 4-5 คน ยืนคุยกัน พยาบาลก็มีหลายคนเกือบ 10 คนก็ว่าได้ เดินไปเดินมาปกติ แล้วสักพักหนึ่งตนก็ไม่ได้พูดอะไร ตนก็จับน้องเอาไว้ไม่ไห้ดิ้น แล้วน้องก็ร้องไห้ หายใจแบบจะขาดใจอย่างเดียว ยาวแบบจะช็อคเหมือนจะไม่ไหวแล้ว แล้วก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาหาตน สิ่งแรกที่พยาบาลทักก็คือบอกในลักษณะแบบขึ้นเสียงใส่เลย บอกว่าให้ญาติไปรอข้างนอก ๆ ขึ้นเสียงใส่อีกว่า ญาติให้ไปรอข้างนอก ตนก็เลยบอกว่า พูดดี ๆ ก็ได้ พูดดี ๆ หน่อย "แล้วเขาก็บอกให้ผมไปรอข้างนอกในลักษณะน้ำเสียงตะคอกใส่ผม สักพักพยาบาลก็เรียก รปภ.มาแล้วขู่ผมว่าเขาจะเอาตำรวจมา ผมก็เลยงงว่าผมผิดอะไร ผมจึงได้ออกมานั่งรอข้างนอก"
หลังจากนั้นคือสิ่งที่ตนรับไม่ได้มากที่สุดก็คือ น้องคนป่วยได้เดินออกมาข้างนอกทั้งน้ำตาจากห้องฉุกเฉิน แล้วมาฟุบลงตรงหน้าโรงพยาบาลตรงตึกอุบัติเหตุ ฟุบแบบไม่ไหวแล้ว น้องคนป่วยได้บอกกับตนว่า พยาบาลไม่รับการรักษา ไม่รับคนไข้ พร้อมทั้งบอกว่า "พี่ผมไม่ไหวแล้วพี่อย่าทิ้งผมนะ" และคนป่วยก็จำไม่ได้ว่าใครที่พูดไม่ดีด้วย เพราะพยาบาลและหมอสวมแมสก์และเครื่องป้องกันโควิดฯเหมือนกันหมดทุกคน แต่น้องยืนยันว่าพยาบาลเป็นคนพูดแบบนั้นจริง ๆ ว่าไม่รับการรักษาไม่รับคนป่วย
ในขณะที่น้องฟุบอยู่นั้น มีหมอและพยาบาลเดินไปเดินมา แต่ไม่มีใครเหลียวแลเลยแม้แต่คนเดียว ตนเลยได้ตะโกนบอกให้น้องอีกคนหนึ่ง เอารถมารับน้องที่ป่วยเพื่อไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของเอกชน พอไปถึงโรงพยาบาลเอกชน เจ้าหน้าถามอาการซักประวัติจากตนเบื้องต้น ดูแลน้องคนป่วยอย่างดี จนถึงห้องICUตนดูคลิปเลยเข้าใจเลยว่าทำไมชาวบ้านถึงโวยวายโรงพยาบาลของรัฐ ทำไมถึงเลือกที่จะบริการ บริการเชื่องช้า เข้าใจอยู่ว่ามีคนมาใช้บริการเยอะ แต่สิ่งหนึ่งก็คือคนกำลังจะตาย ชีวิตคนไม่ใช่ผักไม่ใช่ปลา ขอแค่กระตือรือร้นหน่อยก็ได้ งานทุกอย่างมันเหนื่อยกันหมดแหละ ไม่ทราบว่าเขาปฏิเสธการรักษาคนป่วยเพราะอะไร