คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านพักนักข่าวกลางเมืองหล่มสัก

13 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.หญิง กฤตยา เกตุสุวรรณ์  สารวัตรกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบูรณ์, ร.ต.ท.รัฐศานต์ เพชรหมู่ พนักงานสอบสวนสภ.หล่มสัก ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาตรวจสอบแนวกระสุนพร้อมเก็บหลักฐานบริเวณบ้านพักนายกำธร โจมจตุรงค์ ผู้สื่อข่าวสังกัดนสพ.ข่าวส่วนกลาง(ไทยรัฐ) ประจำ จ.เพชรบูรณ์ หลังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงใส่ประตูม้วนหน้าบ้านพักซึ่งเป็นอาคารตึกแถวสองห้อง เลขที่ 26/9-10 ถนนวจี อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ของนายกำธร โดยหลังอาคารเป็นตลาดสดเทศบาลเมืองหล่มสัก พบรอยรูจำนวนกระสุน 2 รู ทะลุเข้าไปในตัวบ้านถูกรถจักรยานยนต์บริเวณถังน้ำมันได้รับความเสียหาย 1 คัน

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด สาดยิงเข้าใส่ประตูหน้าบ้านพักนายกำธร จำนวน 2 นัด โดยกระสุนทะลุประตูเหล็กไปถูกรถจักรยานยนต์บริเวณถังน้ำมันที่จอดอยู่ในบ้านพักจนได้รับความเสียหายจำนวน 1 คน หลังได้รับรายงาน พ.ต.อ.สุรวิชญ์ ชัยสิทธิ์ ผกก.สภ.หล่มสัก พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายต้องการยิงเพื่อข่มขู่มากกว่าจะมุ่งเอาชีวิต และหากดูจากวิถีกระสุนน่าจะยิงมาจากรถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นการลงมือที่อุกอาจเหิมเกริม เนื่องจากบริเวณสถานที่ก่อเหตุอยู่กลางย่านชุมชน อย่างไรก็ตามจะติดตามเบาะแสคนร้ายโดยไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัวที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุและตาใเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี

ด้านนายกำธร โจมจตุรงค์ ผู้สื่อข่าวฯและเจ้าของบ้านพักตึกแถวดังกล่าว ให้รายละเอียดโดยยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือมีคู่กรณีโดยตรงกับใครแต่อย่างใด แต่อาจสืบเนื่องจากการทำข่าวแบบตรงไปตรงมา จนอาจทำให้คนร้ายรายนี้เกิดความไม่พอใจหรือได้รับผลกระทบจากการนำเสนอข่าวของตน และการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายคงต้องการข่มขู่คุกคามให้เกิดความเกรงกลัว

รายงานข่าวแจ้งว่า นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับรายงานเหตุการณ์นี้แล้ว ได้กำชับไปยังนายชาครินทร์ อินอิ่มวรปราชญ์ นายอำเภอหล่มสักพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวคนร้ายโดยเร็ว เนื่องจากถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ข่มขู่คุกคามการทำงานของสื่อมวลชนในพื้นที่