10 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่าพิษณุกัณร์ สุรินทร์ โพสต์ข้อความว่า สอบถามผู้รู้ครับ หลังจากที่แม่บ้านผมไปฉีดวัคซีนป้องกัน covid-19 ยี่ห้อ astrazeneca ที่โรงพยาบาลกันทรวิชัย วันที่ 07 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00.38 น. หลังจากนั้น เวลา 21.00 น.โดยประมาณ ภรรยาผม (นางกิ่งแก้ว สุรินทร์)มีอาการไข้ หนาวสั่น เวียนหัว อาเจียนแน่นหน้าอก และปวดหัวอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าจะเจาะไขกระดูกสันหลัง เพื่อดูว่าเยื่อหุ้มในสมองอักเสบหรือเปล่า อาการยังน่าเป็นห่วงครับ ทั้งๆที่โรคประจำตัวไม่มี และมีร่างกายแข็งแรงสามารถทำงานได้อย่างปกติทุกอย่างครับ ผมต้องทำยังไงร้องเรียนได้ที่ไหนหรือปรึกษาใครได้ครับ ขณะนี้ทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาสารคามครับ เบอร์โทรผม 0872303212 น้ากล้า ขอความอนุเคราะห์ทุกท่านช่วยชี้แนะด้วย ก่อนที่โลกออนไลน์จะมีการแชร์โพสต์ ส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 4 บ้านท่าขอนยาง ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม พบกับ นายพิษณุกัณร์ สุรินทร์ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว พร้อมกับนายก่อเกียรติ สุรินทร์ ลูกชาย อายุ 18 ปี โดยทั้งคู่ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา พ่อ ลูกชาย และนางกิ่งแก้ว สุรินทร์ อายุ 41 ปี 3คนพ่อแม่ลูก ได้เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลกันทรวิชัย โดยได้ลงทะเบียนผ่านทาง อสม. ในพื้นที่ ความเสี่ยงคือโรคอ้วน ซึ่งสมัครใจฉีด เพราะต้องการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและสังคม โดยนางกิ่งแก้ว ได้รับวัคซีนตอนเวลา 09.00.38 นาที ต่อมามีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ตัวชา มือชา แน่นหน้าอก อาเจียน และปวดหัวมาก จนครอบครัวเห็นว่าท่าไม่ดี จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันที่ 7 มิ.ย. เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับวัคซีน แต่ตนเองและลูกชายมั่นใจว่าเป็นผลจากวัคซีนแน่นอน เพราะว่า ภรรยาตน แม่ของตนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เคยถึงขั้นที่จะต้องนอนโรงพยาบาล
โดยนายพิษณุกัณร์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังฉีดวัคซีนผลข้างเคียงที่ตัวเองได้รับคือมีอาการแน่นหน้าอก ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก ส่วนลูกชายก็มีอาการแน่นหน้าอกเช่นเดียวกัน และปวดแขนข้างที่ฉีด ซึ่งอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ มีเพียงแต่ภรรยา ที่อาการหนักที่สุด ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าภรรยาอาการเป็นอย่างไรบ้าง เพราะทางโรงพยาบาลห้ามเยี่ยม มีเพียงให้โทรศัพท์สอบถามอาการได้ตั้งแต่เวลา 12.00 -14.00 น. เท่านั้น พอโทรไปทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่สะดวก ซึ่งตนก็เข้าใจว่าแพทย์ พยาบาลทำงานหนัก แต่หัวอกของญาติผู้ป่วยก็อยากรู้ว่าตอนนี้อาการผู้ป่วยเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. แพทย์แจ้งว่าจะต้องเจาะไขสันหลัง เพื่อดูว่าภรรยามีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือไม่ ซึ่งตนและลูกชายก็ได้เข้าไปเซ็นใบยินยอมให้รักษา มีโอกาสได้เห็นหน้าแค่แป๊บเดียว ไม่ได้คุยอะไรมาก ล่าสุด ได้รับแจ้งว่าอาการของผู้ป่วยดีขึ้น แต่ตนก็ยังไม่วางใจว่าดีขึ้นขนาดไหน เพราะไม่ได้เห็นเองกับตา
ซึ่งตอนนี้มีความกังวลหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย เพราะทราบมาว่า สมมติว่าหากอาการป่วยของนางกิ่งแก้ว ไม่ได้เกิดจากวัคซีน จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นหรือไม่ หรือหากเกิดจากวัคซีนจะมีการเยียวยาอย่างไร แนวทางการรักษาคนไข้จะทำอย่างไร เหตุผลที่โพสต์ลงโลกออนไลน์ ก็เพื่อต้องการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีใคร เพราะเข้าใจว่าแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานหนักกันอยู่แล้ว หากเลือกได้ก็ไม่อยากที่จะได้เงินเยียวยาหรืออะไรก็ตาม แต่อยากให้ภรรยาไม่ต้องมาเจอผลข้างเคียง ไม่ต้องเจ็บป่วยเป็นดีที่สุด
ซึ่งหลังจากที่ตนโพสต์ข้อความออกไปนั้นก็มีหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกันทรวิชัย มอบหมายให้ สนง.สสอ. ติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานการขอรับเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์ของทางราชการต่อไป และได้โทรศัพท์มาสอบถาม พร้อมกับพูดคุยทำความเข้าใจ เบื้องต้นก็สบายใจขึ้นในระดับหนึ่ง และฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย