ร้องตร.ถูกหลอกลงทุนสลากกินแบ่ง 56 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 31 พ.ค.64 ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง เมืองทองธานี นายธงชัย จิตติสังวร นักธุรกิจ ชาวจังหวัดตราด นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความ พร้อมด้วยผู้เสียหายอีก 7 คน เดินทางเข้าพบพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกหลานชายนายตำรวจท่านหนึ่ง ฉ้อโกงโดยอ้างว่าสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ ในราคาถูกกว่าเจ้าอื่นโดยต้องลงทุนจองสลากฯ ล่วงหน้า แต่ช่วงหลังกลับไม่ได้รับ มูลค่าความเสียหายกว่า 56 ล้านบาท 

นายธงชัย ได้กล่าวว่า ตนเองรู้จักกับนายนันทณัฏฐ์ หรือเอ็ม ซึ่งอยู่ในอ.เมืองตราด มานานกว่า 10 ปี จนนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ประมาณเดือนมีนาคม 2564  นายเอ็มได้ชักชวนตนให้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งนายเอ็มอ้างว่า หากซื้อสลากฯกับตนรับประกันว่าได้สลากฯครบถ้วนแน่นอน และมีจำนวนไม่จำกัด แต่ต้องลงทุนจองสลากฯล่วงหน้าจะได้ราคาที่ถูกกว่าซื้อกับเจ้าอื่น และนายเอ็มอ้างว่าจองหรือซื้อสลากจากนายต๋อย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งอยู่บริษัท ซีพี ส่วนตัวไม่เคยรู้จักนายต๋อยมาก่อน ซึ่งสืบทราบมาว่านายต๋อย มีตัวตนจริงจึงจึงเชื่อใจ และตกลงจองซื้อสลากกับนายเอ็ม งวดแรก คือ งวด วันที่ 1 เมษายน 2564 

ต่อมาได้มีการนัดหมายไปคุยกันอีกครั้งที่ร้านอาหาร ในจังหวัดตราด ตอนนั้นนายเอ็ม มากับนายพชร (ป๊อก) และได้คุยตกลงรายละเอียดเงื่อนไขการจองซื้อสลากฯ ของงวดวันที่ 1 เมษายน 2564 และในงวด 16 เมษายน 2564 หลังจากนั้น ตนได้ทำการจองซื้อขายกับนายเอ็ม จำนวน 5 งวด ได้สลากฯครบถ้วน จำนวน 3 งวด ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาในงวดที่ 4 และ 5 กลับไม่ได้สลากฯ ที่ซื้อหรือจองไว้ เมื่อทวงถามนายเอ็ม และนายป๊อก เรื่องสลากฯนายเอ็มและนายป๊อกอ้างว่า นายต๋อย ไม่ส่งมอบสลากฯ เมื่อสอบถามไปก็อ้างว่าซื้อสลากมาจากนายเทิดศักดิ์ (เหม่ง) อยู่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด  แต่นายเหม่ง ไม่ส่งสลากฯมาให้เช่นกัน

ในส่วนนี้นายเอ็มและนายป๊อกไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆซึ่นตนและเพื่อนๆได้รวมเงินมาซื้อสลากจำนวน 2 งวด คืองวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2564   เป็นเงิน 26,840,000 บาท และงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นเงิน 29,231,500 บาท รวมทั้งสิ้น 56,071,500 บาท ซึ่งตนได้แจ้งความดำเดินคดีนายเอ็มและนายป๊อก ไว้แล้ว
นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความ กล่าวว่า เบื้องต้นได้เข้าพูดคุยกับพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้วซึ่นตนและผู้เสียหายก็เข้าใจการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ ในส่วนนี้ทราบว่าทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อมอบหมายว่าจะให้หน่วยงานใดรับผิดชอบในการรวบรวมผู้เสียหายทั้งหมดซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ทำคดี ซึ่งหลังจากนี้หากตนทราบว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบทำคดี ตนก็จะพาลูกความทั้งหมดไปยื่นเรื่องให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. เผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทีการเรียกประชุมและแต่ตั้งคณะทำงาน โดยแบ่งชุดทำงานเพื่อรับผิดชอบในแต่ละส่วนซึ่งมี พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 รับผิดชอบงานสอบสวน ตำรวจภูธรภาค2 ตนเอง เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รับผิดชอบงานสอบสวน บช.ก ส่วนงานสืบสวน ทางพล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. เป็นผู้ดูแล ส่วนกรณีผู้เสียหายรายใหม่สามารถแจ้งได้ที่ท้องที่รับผิดชอบ จากนั้นจะให้รายงานมายังส่วนกลางเพื่อพิจารณาว่าสามารถนำมารวมเป็นคดีเดียวกันได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามในการดำเนินคดี เราต้องเห็นภาพรวมว่าผู้ต้องหาเป็นรายเดียวกันหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องมีการแบ่งกลุ่มผู้เสียหายแต่ละพื้นที่ เพื่อสะดวกในการสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ในพื้นที่ภ.จว.ตราด จำนวน 1 คดี ผู้เสียหาย 73 ราย ความเสียหาย 1,400 ล้านบาท ภ.จว.จันทบุรี 28 คดี ผู้เสียหาย 32 ราย 255 ล้านบาท ภ.จว.ชลบุรี 14 คดี ผู้เสียหาย 69 ราย 236 ล้านบาท บช.ก. บช.ก. 24 ราย 704 ล้าน รวมความเสียหายทั้งหมดกว่า 2,655 ล้านบาท ซึ่งคดีหลักจะอยู่ที่จังหวัดตราด และปอศ.