"ยุทธพงศ์" จี้นายกฯ เปิดสัญญาซื้อขายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แฉครม.จ่อเคาะต่อสัมปทานสายสีเขียว 40 ปี

วันนี้ (30พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการจัดหาวัคซีน ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทำไมไม่มี ซึ่งตนได้ข้อมูลมาของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มาดังนี้ 1. เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นโดยในหลวงรัฐกาลที่ 9 เพื่อผลิตยาชีววัตถุ เพื่อลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ 2. บทบาทของบริษัทสยามไบโอฯ คือการรับจ้างผลิตวัคซีนให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ในภูมิภาคอาเซียน 3. บริษัทสยามไบโอฯ ถูกเลือกให้ผลิตวัคซีน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐานสากลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีความพร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตแอสตร้าฯ ในภูมิภาคนี้ 4.บริษัทสยามไบโอฯ ผลิตวัคซีนโดยยึดนโยบายไม่ทำกำไร ไม่ขาดทุน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ตามนโยบายของแอสตร้าฯ

5.บริษัทสยามไบโอฯ ลงนามในสัญญารับจ้างผลิตวัคซีนในปลายปี 2563 ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ให้แอสตร้าฯเมื่อผลิตเสร็จจะส่งมอบวัคซีนให้แอสตร้าฯ แล้วการสั่งซื้อและกระจายวัคซีนเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลของประเทศต่างๆ (ผู้ซื้อ)กับแอสตร้าฯ(ผู้ชาย) 6. บริษัทสยามไบโอฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลไทย เพราะเมื่อส่งมอบวัคซีนให้กับแอสตร้าฯ ซึ่งเป้นผู้ว่าจ้างแล้วถือว่าบริษัทสยามไบโอฯ ทำงานของตัวเองเสร็จสิ้น ก่อนที่แอสตร้าฯ จะส่งมอบวัคซีนให้กับผู้ซื้อ (รัฐบาลของประเทศต่างๆ ) ซึ่งบริษัทสยามไบโอฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อและกระจายวัคซีนระหว่างแอสตร้าฯและรัฐบาลไทยเลย ดังนั้นจะโทษบริษัทสยามไบโอฯ ผลิตไม่ได้ ผลิตไม่ทัน ไม่เกี่ยวข้องกัน

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรียกร้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ดำเนินการ คือ 1.ให้ประกาศให้ชัดเจนว่า 7 มิ.ย.ที่ประกาศให้ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชนฉีดหรือไม่ 2.ให้เอาสัญญาที่ไปสั่งซื้อวัคซีนระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัทแอสตร้าฯ ในสัญญาเขียนไว้อย่างไร ไม่ใช่ทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ ซึ่งจะได้รู้ว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนให้วันใด และหากไม่ส่งมาตามกำหนดจะมีค่าปรับอย่างไร ซึ่งสัญญามีความสำคัญ พลเอกประยุทธ์ ต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้ดูว่าการสั่งซื้อ 61 ล้านโดสส่ง มอบกันวันไหน อย่างไร ผลของความล่าช้ามาจากการบริหารที่ล้มเหลว ในฐานะผอ.ศบค. รวบอำนาจไว้คนเดียว

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในการบริหารโควิดที่ล้มเหลวและไม่แก้ไข แต่พลเอกประยุทธ์ กลับจะไปต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี โดยตนทราบมาว่าในวันอังคาร ที่ 1 มิ.ย.นายกฯ จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นวาระจร เพื่ออนุมัติต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว คำถามคือระหว่างต่อสัมปทานรถไฟฟ้าออกไป 40 ปี กับหาวัคซีนมาฉีดให้คนไทย อันไหนเร่งด่วนและสำคัญกว่ากัน นอกจากนี้หนี้วิ่งรถกว่า 1 หมื่นล้าน ต้องถามพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า สร้างหนี้ทำไม ให้ประชนนั่งฟรี และเอาอำนาจอะไรดำเนินการ จนสุดท้ายเป็นหนี้และจะยกสัมปทานให้อีก 40 ปี นอกจากนี้จะต้องพิจารณาในเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น อัตราค่าโดยสาร 65 บาทเหมาะสมเป็นธรรมกับประชาชนที่ใช้บริการหรือไม่ ประเด็นข้อกฎหมายที่อยู่กับป.ป.ช.ยังไม่ได้ข้อยุติ และส.ส. พรรคเพื่อไทย 75 คน ได้ลงรายมือชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยคำสั่ง คสช.3/2562 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ยังไม่ได้วินิจฉัย หากคำสั่งขัดรัฐธรรมนูญใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ตนขอเตือนว่าคณะรัฐมนตรี ที่จะประชุมวันที่ 1 มิ.ย. ใครร่วมอนุมัติให้ต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด เพราะมีปัญหาข้อกฎหมายและไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน นอกจากนี้ยังมีการหลบเลี่ยงพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 62 อีก

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมสภาฯ งบประมาณปี 65 วาระ 1 ทางพรรคเพื่อไทย เตรียมส.ส. 55 คน ในการชำแหละงบประมาณปี 65 เน้นการจัดงบประมาณที่ไม่เหมาะสมในสภาวะโควิด-19 ที่ควรจะเน้นด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับเน้นจัดงบให้ทางกองทัพมากมาย รวมถึงจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำจากจีน อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยมีมติพรรค ไม่รับหลักการพ.ร.บ.งบประมาณ 65 เพราะจัดมาไม่ถูกที่ถูกทาง ไม่เหมาะสมไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในขณะนี้