วันนี้ (30 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้กลายเป็นเครื่องมือชี้วัดอำนาจ และเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยม โดยมีชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศเป็นตัวประกัน ทั้งที่วัคซีนเป็นสิ่งที่รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารมีหน้าที่ในการจัดหามาบริการ ให้สวัสดิการ และสร้างประโยชน์สุขให้กับประชาชนส่วนใหญ่ได้มีชีวิตที่ปลอดภัย แต่ในขณะนี้ยังมองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ในของแผนฉีดวัคซีน 70% ภายในสิ้นปี 2564 ของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด
นางสาวอรุณี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวบอำนาจมาไว้ที่ตนเองเพียงผู้เดียว มีภาระหน้าที่ในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขโรคระบาดอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดและรวดเร็ว แต่เพราะนายกรัฐมนตรีที่ไร้ประสิทธิภาพ การบริหารจัดการวิกฤตจึงเป็นไปอย่างล่าช้า ตะกุกตะกัก ก้าวไม่ทันโรคและไม่เคยทันโลก ไม่เคยสำนึกผิดหรือตระหนักได้ว่าการระบาดที่ยืดเยื้อยาวนานมีต้นตอปัญหาจากใคร ซ้ำยังจัดหาวัคซีนไม่ทันตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน จำนวนยี่ห้อของวัคซีนที่ไม่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงและเป็นทางเลือก เพิกเฉยต่อการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของประชาชนภายหลังได้รับวัคซีน ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
จึงอยากฝากคำถามไปถึงเนติบริกรผู้ค้ำยันพลเอกประยุทธ์ว่า การบริหารราชการที่ผิดพลาดจากการควบคุมโรคระบาดและการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าไม่ทันการณ์ของนายกรัฐมนตรี มีความผิดตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญบ้างหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีซึ่งควบรวมกฎหมาย 31 ฉบับมีอำนาจเหนือทุกกระทรวงกำลังบริหารราชการแผ่นดินอันเป็นการสร้างผลกระทบต่อการให้บริการสาธารณะทางด้านสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพให้กับประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พร้อมฝากไปถึงผู้มีอำนาจทั้งหลายว่า ประชาชนไม่ใช่เหยื่ออันโอชะจากการบริหารที่ผิดพลาดซ้ำซากครั้งนี้ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลทั้งองคาพยพสิ้นสลายไปแล้ว ส่วนพลเอกประยุทธ์ก็รู้แค่ระเบียบแถว แต่ไม่รู้กระบวนทัพ ล้มเหลวสิ้นท่าทุกด้าน นี่หรือคือนายกรัฐมนตรีไทย.