ส.ส.เพชรบุรี เตือน "คลัสเตอร์ รง.เขาย้อย" อาจพุ่งระดับประเทศ

ผลการตรวจเชื้อเบื้องต้น มีรายงานจากนายอำเภอเขาย้อยว่า มีการแพร่กระจายของเชื้อภายในโรงผลิตไลน์ 9 ของโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นมีพนักงานคนไทยป่วย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล กระทั่งพบว่าติดโควิด จึงมีการตรวจเชื้อกับคนใกล้ชิด และขยายผลไปยังพนักงานกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานด้วยกัน เบื้องต้นพบมีผู้ติดเชื้อ 26 คน

โดยมาตรการเบื้องต้นที่นายอำเภอได้ประสานให้ดำเนินการคือ แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง ให้ปิดตลาดนัดทั้งหมดในอำเภอเขาย้อยเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของคนงานที่ไปจับจ่ายซื้อของ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการตรวจเชิงรุกพนักงานของโรงงานต่อไป
ข้อมูลจำนวนพนักงานที่ทางนายอำเภอออกมาชี้แจง คือ โรงงานแห่งนี้มีพนักงานประมาณ 11,000 คน เป็นคนไทยประมาณ 4,500 คน และเป็นชาวเมียนมาประมาณ 6,500 คน ทำงานลักษณะเป็นกะ สลับกัน

ภายหลังจากที่มีข่าว "คลัสเตอร์โรงงาน" ในจังหวัดเพชรบุรี ปรากฏว่า ส.ส.เพชรบุรีทั้ง 3 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ได้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดย นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เขต 3 บอกกับ "เนชั่นทีวี" ว่า โรงงานแห่งนี้เคยแถลงตัวเลขคนงานว่ามีประมาณ 11,000 คน เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่จากข้อมูลที่ตนตรวจสอบจาก "จัดหางานจังหวัด" พบว่า โรงงานแห่งนี้มีพนักงานเป็นคนต่างด้าว 7,234 คน คนไทย 5,778 คน รวมพนักงานทั้งสิ้น 13,012 คน และในรั้วโรงงานเดียวกันยังมีบริษัทซัพพลายเออร์ ซึ่งมีพนักงานอีก 1,799 คน เป็นข้อมูล ณ เดือนเมษายนปีนี้เลย
ฉะนั้นตัวเลขคนงานของโรงงานจึงอยู่ที่ราวๆ 15,000 คน ไม่ใช่ 11,000 คน คำถามคืออีก 4,000 คนหายไปไหน หรือเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ข้อมูลต่างกันขนาดนี้ถือว่าตัวเลขเขย่งมากเกินไป สำหรับแรงงานต่างด้าวในโรงงานแห่งนี้ สัดส่วนมากกว่า 90% เป็นชาวเมียนมา

ส.ส.สุชาติ บอกอีกว่า ตัวเลขที่มีการตรวจเชื้อแบบสุ่ม คือโรงงานที่ 9 (ไลน์ 9) มีพนักงานทั้งสิ้น 3,800 คน ผลตรวจวันเสาร์ พบผู้ติดเชื้อ 34 คน / วันอาทิตย์ 23 คน รวม 2 วัน 57 คน กลุ่มเสี่ยงอีกกว่า 300 คน ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขขอให้ไปตวรจ แต่ยังไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ ทั้งๆ ที่พนักงานโรง 9 ทั้งหมดจะต้องตรวจแบบ 100%
ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ ยังตั้งคำถามว่า มาตรการรับมือของทางอำเภอและจังหวัด เหมาะสมกับความร้ายแรงของสถานการณ์หรือไม่ เช่น แทนที่จะปิดโรงงาน หรืออย่างน้อยก็โรงที่พบผู้ติดเชื้อ แต่กลับไปสั่งปิดตลาดนัดแทน ต้องไม่ลืมว่า เพชรบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยว มีหาดเจ้าสำราญ หาดชะอำ และต่อเนื่องไปถึงหัวหิน หากมีการระบาดคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ จะถูกล็อกดาวน์หมด และจะก่อผลกระทบร้ายแรงมาก ยิ่งไปกว่านั้น คนไทยจำนวนเกือบๆ 6 พันคนที่ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งนี้ มาจาก 8 อำเภอของเพชรบุรี จึงมีโอกาสแพร่เชื้อไปได้ทั้งจังหวัด จึงขอเรียกร้องให้ทางจังหวัดเร่งจัดการคลัสเตอร์โควิดโรงงานให้จริงจังและรวดเร็วทันต่อสถานการณ์มากกว่านี้ด้วย