"สุวัจน์" เสนอให้ ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ

12 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน (สำนักงานพรรคชาติพัฒนา) เลขที่ 2222/2 ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) หลังเสร็จภารกิจเปิดโครงการ "อาสาสู้ภัยโควิด-19" ได้เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิดระลอกที่ 3 หนักและรุนแรงกว่า 2 รอบที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรายวันจำเป็นต้องจัดตั้งอาสาสมัครจำนวน 50 คน คอยดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งให้แนะนำ ให้คำปรึกษาการลงทะเบียนหมอพร้อมลงทะเบียนฉีดวัคซีน จัดหาโรงพยาบาล ฯลฯ รวมทั้งจัดเตรียมรถปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว 5 คัน ตระเวนไปตามแหล่งชุมชนทั่วทั้งจังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 2,400 จุด เพื่อให้การช่วยเหลือทั่วถึงครอบคลุม ทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพสูงสุด 

นายสุวัจน์ กล่าว เชิญชวนประชาชนมาฉีดวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง จ.นครราชสีมา มีโควต้าจำนวน 8 แสนโดส ขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียน 3.3 หมื่นคน จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์รณรงค์ถึงความสำคัญ ควบคู่กับการเผยแพร่ข้อมูลทางการแพทย์ที่ชัดเจน สร้างความมั่นใจให้ประชาชน มุ่งหวังให้ประชาชน 70 % ของประชากรในประเทศเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ การระบาดรอบแรกรัฐบาลใช้งบแก้ไขปัญหาเยียวยาความเดือดร้อน 1.9 ล้านล้านบาท ใช้ตามมาตรการหรือโครงการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชน การระบาดรอบใหม่ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลต้องมีมาตรการช่วยเหลือประคับประคองเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ทั้งในช่วงวิกฤตและสร้างความเข้มแข็งหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งงบประมาณที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินงบประมาณเข้าไปมากกว่าเดิม ต้องบริหารความเสี่ยงกันโดยคำนึงถึงชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็ว หากเชื้อโควิด -19 เปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์หรือดื้อยาต้องเพิ่มจำนวนวัคซีนอีก 

กรณีสถานการณ์ไม่คลี่คลาย รัฐบาลควรวางแผนดำเนินการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีวัคซีนเพียงพอการดำเนินการไม่ติดขัดหรือล่าช้า สถานการณ์วิกฤตนี้เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด -19 ไปด้วยกันแม้นรัฐบาลพยายามผลักดันให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ แต่หลายฝ่ายในสังคมเรียกร้องให้การดำเนินการฉีดวัคซีนมีการเปิดกว้างให้ภาครัฐและเอกชนสร้างความร่วมมือในการจัดหาวัคซีนรวมทั้งมีวัคซีนทางเลือกและความปลอดภัยสูงสุด โดยให้ความสำคัญในขั้นตอนการจัดหาให้มีความกระชับและรวดเร็ว ซึ่งประชาชนยังวิตกกังวลถึงผลกระทบจากการฉีดวัคซีน 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การสำรวจข้อมูลจำนวนผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพียง 1.6 ล้านคน หรือ 10 % ของจำนวนเป้าหมายกลุ่มเสี่ยง 16 ล้านโดส รัฐบาลต้องสร้างการรับรู้สร้างความมั่นใจให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการเข้า ออกพื้นที่ของประชากรในพื้นที่ชายแดน เขตรอยต่ออย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการลักลอบเข้าตามชายแดนจนทำให้เชื้อมีการกลายพันธุ์ไม่อาจยับยั้งได้ทันท่วงทีส่งผลให้ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา