นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสายด่วน 1330 ของ สปสช. พบว่าในช่วงนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่งโทรเข้ามาร้องเรียนว่าได้ไปรับบริการเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วถูกเรียกเก็บเงิน ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจอย่างมาก ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ควรเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงบริการโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการระบาดหนักเช่นนี้ และขอย้ำว่าประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีสิทธิได้รับการตรวจคัดกรองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากตรวจพบว่าติดเชื้อก็ไม่ต้องเสียค่ารักษาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนอย่าเก็บเงินจากผู้ป่วยเพราะค่าใช้จ่ายต่างๆนั้นทาง สปสช.จ่ายให้ครอบคลุมหมดแล้วตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การรักษา ไปจนถึงการส่งตัวผู้ป่วย ซึ่งอัตราการใช้จ่ายตามรายการต่างๆก็ได้ตกลงร่วมกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้ว
"ยกตัวอย่างผู้ป่วยบางรายได้รับการส่งตัวจาก Hospital มารักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่กลับถูกเรียกค่ารถ Ambulance 5,000 บาท บางคนป่วยเป็นโควิดแล้วถูกเรียกเก็บเงินค่าตรวจ 5,600 บาท แถมทั้งครอบครัวติดโควิดกัน 4 คนก็ถูกเรียกเก็บค่าตรวจทุกคน อ้างว่าโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่มีนโยบายตรวจฟรี บางคนจะเข้ารับการผ่าตัด หมอก็แจ้งให้ไปตรวจโควิดมาก่อน แล้วก็มีค่าตรวจโควิดให้ต้องมีค่าตรวจ 3,900 บาท เป็นต้น ซึ่งจริงๆภาครัฐเรากำหนดค่าใช้จ่ายต่างๆให้มาเบิกกับ สปสช.อยู่แล้ว และเราก็จ่ายจริง ผู้ป่วยสีแดงค่ารักษา 8 แสนถึง 1 ล้านบาทเราก็จ่ายมาแล้ว ผู้ป่วยสีเหลืองค่ารักษา 4 แสนบาทก็จ่ายมาแล้ว แล้วตอนนี้เราก็ปรับระบบการจ่ายเงิน จากจ่ายทุกเดือนเป็นจ่ายทุกๆครึ่งเดือน ซึ่งก็จะช่วยให้โรงพยาบาลมีสภาพคล่องที่ดีมากขึ้น แล้วยังจัดตั้งสายด่วนให้โรงพยาบาลโทรมาสอบถามขอคำแนะนำในเรื่องการเบิกจ่ายเงินอีก ดังนั้นต้องขอความร่วมมือกันอีกครั้งว่าอย่าเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย" นพ.จเด็จ กล่าว
ทั้งนี้ ตามประกาศ สปสช. เรื่อง การขอรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 (ฉบับแก้ไขและเพิ่มเติม) กำหนดอัตราจ่ายค่าบริการให้แก่โรงพยาบาลทั้งการตรวจและการรักษา รวมไปถึงค่าที่พักอื่นๆ เช่น