"ธรรมนัส"ปัดไม่รู้"หัวหน้าพรรคปชป."ไม่พอใจแบ่งคุมพื้นที่ภาคใต้ เชื่อพรรคร่วมกับพปชร.ยังคิดเหมือนกัน

วันนี้ (29 เม.ย.) ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงการแบ่งงานรัฐมนตรีขับเคลื่อนไทยด้วยกัน ในการดูแลพื้นที่แต่ละจังหวัดที่พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น การทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในฐานะที่ได้รับมอบหมายการทำหน้าที่จากพรรคพลังประชารัฐได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัด ดังนั้น การแบ่งจังหวัดให้รัฐมนตรีรับผิดชอบในแต่ละจังหวัดนั้น จึงไม่ใช่ประเด็น เพราะตนลงพื้นที่ทุกจังหวัดอยู่แล้ว และเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะมอบหมายให้ตนรับผิดชอบ ซึ่งพร้อมดำเนินการให้ดีที่สุด

ส่วนที่มีการมองว่าจะเป็นปัญหาระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส มองว่า เป็นการคิดกันไปเอง และตนก็ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง การทำงานระหว่างตนเอง และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ก็เป็นการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นพวกเดียวกัน ส่วนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่พอใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

ร้อยเอกธรรมนัส ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่มีรัฐมนตรี นินทาลับหลังในการประชุมต่าง ๆ โดยระบุเพียงว่า "ไม่ทราบ"

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อให้ผู้อื่นมาแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 แทน ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เสมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างมนุษย์ กับเชื้อไวรัส และสถานการณ์เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบทั่วโลก บางประเทศสถานการณ์มีความรุนแรง รัฐบาลจึงต้องเร่งช่วยให้ประเทศฝ่าวิกฤตไปให้ได้ และฝ่ายค้านไม่ควรเล่นการเมืองมากเกินไป พร้อมมองข้อเสนอการลาออกว่า เป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่สถานการณ์เวลานี้ทุกฝ่าย ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน และเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตพรรคร่วมรัฐบาลพยายามตีตนออกห่างจากพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกที่ 3 นั้น ร้อยเอกธรรมนัส ยังมั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลคิดเหมือนกันกับพรรคพลประชารัฐ ในการทำหน้าที่ ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และเมื่อประชาชนเดือดร้อน ก็ไม่ควรพูดเรื่องการเมือง และยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง มั่นใจว่าประชาชนจะทราบว่า แต่ละพรรคการเมืองเป็นอย่างไร