วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ระหว่างฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่า เป็นการเตรียมข้อมูลไว้หารือกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เม.ย. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเรื่องการนำผู้ป่วยตกค้างเข้าสถานพยาบาล โดยขณะนี้มีผู้ป่วยตกค้างเข้าสู่ระบบการรักษาแล้วประมาณ 800 ราย จาก 1,400 ราย
ทั้งนี้ ได้เตรียมการใช้อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เพื่อคัดกรองผู้ป่วย ถ้าไม่มีอาการก็จะนำส่งโรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้มีอาการระดับสีเหลือง จะส่งตัวไปยัง Hospitel ผู้ป่วยระดับสีแดงต้องนำส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการจัดหาวัคซีน เพื่อเตรียมพูดคุยกับภาคเอกชน ว่าจะช่วยเพิ่มเติมได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะจัดหาวัคซีนได้ 26 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับประชาชนกว่า 26 ล้านคน รวมกับวัคซีนซิโนแวค ที่จะนำเข้ามาอีก โดยใช้ระยะเวลา 3 เดือน ต้องฉีดให้ได้ 30 ล้านคน พร้อมจัดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน จะหารือกับภาคเอกชนเพื่อขอความร่วมมือ ในเรื่องสถานที่ฉีดวัคซีน เพราะได้ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะต้องฉีดให้ได้วันละ 3 แสนคน ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่การฉีดที่โรงพยาบาลอย่างเดียว แต่ต้องมีพื้นที่เพิ่มเติม โดยดึงโรงพยาบาลเอกชน พร้อมแพทย์พยาบาลที่เกษียณอายุไปแล้ว ให้มาช่วยกันฉีดวัคซีนให้ประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า ให้จัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคน ได้ทั้งเข็มแรกและเข็มที่สอง
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายดนุชา ระบุว่า ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นการพูดคุยด้านมาตรการรองรับสถานการณ์เท่านั้น