พล.ต.ท.ภัคพงษ์ ยันไม่มี ตร.คอยดูแลนักการเมืองเที่ยวสถานบันเทิง จ่อเอาผิดผับทองหล่อ

พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เพตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยข้อมูลกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บช.น. ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 24 คน โดยแบ่งออกเป็น บก.น.1 จำนวน 1 คน , บก.น.5 จำนวน 15 คน , บก.น.6 จำนวน 1 คน , บก.น.7 จำนวน 2 คน , บก.น.9 จำนวน 2 คน , บก.จร. จำนวน 2 คน และศูนย์ฝึกอบรม จำนวน 1 คน ส่วนการกักตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงอีก 15 คน เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ เป็นฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องออกตรวจสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะสถานบริการ รวมถึงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ได้สัมผัสใกล้ชิดในห้วงดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดได้ทำการสอบสวนโรคและเข้ารับการรักษาตัวเรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลนักการเมืองที่มาเที่ยวสถานบริการนั้น เบื้องต้นได้ให้ ผบก.น.5 และ ผกก.สน.ทองหล่อ ไปตรวจสอบ ซึ่งยังไม่มีรายงานว่า มีข้าราชการตำรวจในสังกัดไปทำหน้าที่ดูแลนักการเมืองแต่อย่างใด ส่วนถ้าใครมีพยานหลักฐานว่า มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้แจ้งมายัง บช.น. หรือ บก.น.5 เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อจะได้แจ้งให้สังคมได้รับทราบต่อไป

ขณะที่ การดำเนินคดีกับสถานบริการ หรือสถานประกอบการ ได้แก่ คริสตัล คลับ และ เอมเมอรัล คลับ พิจารณาดำเนินคดีว่าอาจมีความผิดตามกฎหมายสถานบริการ ประกาศ ข้อกำหนด ที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.สถานบริการ ในข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 5), ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 20) กรณีให้สถานที่ตามประกาศ ต้องปฏิบัติตามาตรการป้องกันควบคุมโรคเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค แนบท้ายประกาศนี้โดยเคร่งครัด ซึ่งทั้งสองที่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด


ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดงานเลี้ยงในโรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ สุขุมวิท 55 ได้ให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คลิปที่ปรากฏ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และเตรียมเรียกผู้แทนโรงแรม และผู้จัดงานเลี้ยงมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งการจัดงานดังกล่าว ผู้เข้าร่วมอาจมีความผิดตามไปด้วย โดยทั้งสองกรณีอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบสถานที่ หรือการจัดงาน เพื่อออกหมายเรียกมาสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย จะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

สำหรับการสอบสวนโรค เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หากผู้ติดเชื้อที่จงใจปกผิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และหากมีการร้องทุกข์จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป