รัฐสภาป่วนกลางดึกเดินหน้าโหวตวาระ3 ภูมิใจไทยวอล์คเอาท์ไม่สังฆกรรมพวกฉ้อฉล

การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาลงมติวาระ3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าสุด ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติ เดินหน้าลงมติในวาระที่3 ตามระเบียบวาระการประชุมแล้ว หลังใช้เวลา 21 ชั่วโมงให้สมาชิกอภิปรายหาทางออกจากกรณีความไม่ชัดเจนของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็นการจัดทำประชามติ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ซึ่งสมาชิกมีความเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐส่วนใหญ่ ที่เห็นว่ารัฐสภา ไม่สามารถตัดสินใจเดินหน้าลงมติวาระ3ได้ เพราะถือเป็นการขัดคำวินิจฉัยของศาลก็จะธรรมนูญหลังใช้เวลา ที่เห็นว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งดำเนินการมานั้น ขัดรัฐธรรมนูญ

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอให้เลื่อนการลงมติออกไปก่อน และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อีกครั้งว่ารัฐสภาสามารถลงมติวาระ3ได้หรือไม่

ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน เสนอให้เดินหน้าลงมติวาระ3ต่อไป เพื่อไปทำประชามติ หลังวาระ3 หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบ

จากนั้นฝ่ายเลขาฯของรัฐสภา ได้สรุปแนวทางในการลงมติออกเป็น 3 แนวทางตามญัตติข้อเสนอของสมาชิกคือ

1. ให้รัฐสภามีมติว่าไม่ให้ที่ประชุมลงมติในวาระที่3 เพราะเป็นการขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อเสนอของนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา

2. ให้รัฐสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาอีกครั้ง ตาม มาตรา 210(2) เพื่อให้เกิดความชัดเจน อีกครั้ง ซึ่งเป็นข้อเสนอของนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

3. ให้รัฐสภาเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 ต่อไป ซึ่งเป็นข้อเสนอของนายรังสิมันต์โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล และนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย

แต่เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติ ในรูปแบบการลงมติของแต่ละญัตติ ทำให้ประธานรัฐสภาสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 20 นาที เพื่อให้แต่ละฝ่ายหารือกัน ทั้งนี้ภายหลังการหารือ ที่ประชุม ได้มีการถกเถียง เป็นการเสนอญัตติ อีกรอบ ก่อนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นเสนอญัตติ ให้รัฐสภาเดินหน้าลงมติตามวาระ ซึ่งสอดคล้องกับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ทำให้ ประธานรัฐสภาต้องขอมติจากที่ประชุม โดยที่ประชุมเสียงข้างมาก 473 ต่อ 121 เสียง มีมติเห็นด้วย ให้รัฐสภาเดินหน้าลงมติวาระ3ต่อไปตามญัตติของนายไพบูลย์ ทำให้รัฐสภา จึงเข้าสู่วาระการลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่3 ด้วยวิธีการขานชื่อ ซึ่งนายชวนหลีกภัย แจ้งว่าอาจใช้เวลาลงมติไม่เกิน 4 ชั่วโมง

ขณะที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางห้องประชุมไม่ร่วมสังฆกรรมในการลงมติครั้งนี้โดยระบุว่า " ผมคงไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยกับพวกฉ้อฉล ศรีธนญชัย โกหกปลิ้นปล้อนและไร้สาระสิ้นดีนี่คือสภาโจ๊ก" ทำให้ ส.ส. พรรคภูมิใจไทยพร้อมใจกันวอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม

อย่างไรก็ตามการลงมติครั้งนี้คาดว่า ที่ประชุมเสียงข้างมากจะมีมติไม่เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงจะส่งผลให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตกไป หลังจากนี้จะต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตระหว่างการขานชื่อลงคะแนนเป็นรายบุคคล นอกจากส.ส.ภูมิใจไทยที่วอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุมหมดแล้ว ในส่วนของส.ว.หลายคนก็ไม่ได้อยู่ร่วมโหวตในห้องประชุมด้วย หรือคนที่อยู่ในห้องประชุม จะใช้วิธีขานงดออกเสียง และไม่ประสงค์ลงคะแนนเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับส.ส.พลังประชารัฐหลายคนก็ใช้วิธีไม่อยู่ร่วมโหวตในห้องประชุมเช่นกัน มีเพียงส.ส.ฝ่ายค้านและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่ขานชื่อเห็นชอบกับการลงมติให้แก้รัฐธรรมนูญวาระ 3อย่างไรก็ตามมีส.ส.เพื่อไทย หลายคนที่เป็นกลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เช่น นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม ถึงจะอยู่ในห้องประชุม แต่ใช้วิธีเงียบ ไม่ยอมขานลงคะแนนใดๆ เลย เนื่องจากส.ว. และส.ส.หลายคน เกรงจะมีความผิด ถูกเอาผิดกรณีไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ.