svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จับพิรุธ "จม.อานนท์" กับวิถีปฏิบัติของ "คนคุก"

17 มีนาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ประเด็นร้อนทางการเมืองที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งในขณะนี้ ก็คือการนำจดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวหลังกำแพงคุกของนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร ออกมาเผยแพร่ สร้างกระแสอำนาจมืดในเรือนจำ โดยเฉพาะที่อ้างถึงเหตุการณ์ "ไผ่ ดาวดิน" กับ "ไมค์ จาดนอก" สองแกนนำรุ่นน้อง ถูกผู้คุมนำตัวออกจากแดนคุมขังในยามวิกาล แม้สุดท้ายทางราชทัณฑ์จะออกมาชี้แจงพร้อมมีภาพยืนยัน แต่บรรดาแฟนคลับของกลุ่มราษฎรก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี

เรื่องนี้ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า จดหมายที่มีการอ้างว่าเป็นลายมือของนายอานนท์ เป็นของเจ้าตัวจริงหรือไม่ ประเด็นนี้ ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายอานนท์ ยืนยันว่า นายอานนท์ได้เขียนจดหมายนี้ที่ศาลอาญา ช่วงระหว่างรอนัดสืบพยาน จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า เอาเวลาตอนไหนไปเขียน เพราะเวลาถูกเบิกตัวจากเรือนจำ ก็ต้องนั่งในรถคุมตัวผู้ต้องขัง เมื่อถึงศาลก็อยู่ในห้องควบคุมตัว แต่ "ผู้รู้" ที่ผ่านคุกผ่านตารางมาหลายรอบบอกว่า เป็นไปได้เหมือนกันที่จะเขียนระหว่างพูดคุยกับทนาย โดยใช้ปากกาของทนายที่ตระเตรียมนัดแนะกันมา

งานนี้มีข้อน่าสังเกตว่า "จดหมายจากเรือนจำ" กำลังกลายเป็น "เครื่องมือชิ้นใหม่" ของบรรดาแกนนำม็อบราษฎร เพราะก่อนหน้านี้ "เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์" แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ก็เขียนออกมาแล้วฉบับหนึ่ง

หลายคนต่อจิ๊กซอว์ให้พอเห็นภาพ คือ " เพนกวิน" เขียนจดหมายฉบับแรก และมีเรื่องวุ่นวายในห้องพิจารณา ตกเย็น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มา / ปรากฏกายที่ม็อบข้างทำเนียบฯ แต่จะมุ่งหน้าไปที่กลุ่มเดินทะลุฟ้าเลยก็อาจจะดูน่าเกลียด จึงเข้าไปเยี่ยมเยียนกลุ่มเซฟบางกลอย แล้วค่อยเดินเลยไปม็อบทะลุฟ้า

นี่คือข้อสังเกตจากฝ่ายตรงข้ามกลุ่มสามนิ้ว / แต่ถ้าถามบรรดาผู้สนับสนุนกลุ่มราษฎร ก็จะมองเรื่องนี้ไปอีกมุมหนึ่ง โดยเชื่อว่าบรรดาแกนนำเซเลบของพวกตน ได้รับความลำบากจากการที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว แถมล่าสุดยังมี "จดหมายจากอานนท์" มาเปิดประเด็นอันตรายจากอำนาจมืดในเรือนจำเข้าไปอีก


"ทีมข่าวอาชญากรรม" ได้รับข้อมูลจาก "อดีตผู้คุม" ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า จริงๆ แล้วช่วงระหว่างการนำตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำไปส่งศาล หรือช่วงระหว่างการรอในพื้นที่ศาล ผู้ต้องขังจะมีแค่ตัวเปล่า เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ต้องขังใช้ปากกาหรืออุปกรณ์อื่นใด ยกเว้นแต่จะแอบขอจากทางทนายความเท่านั้น

ส่วนเนื้อหาในจดหมายของนายอานนท์ ที่อ้างการหิ้วตัว 2 แกนนำยามวิกาล "อดีตผู้คุม" บอกว่า จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากการนำตัวผู้ต้องขังออกจากแดนคุมขัง ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ หรือทำได้ด้วยตัวคนเดียว เพราะหลังจากที่ผู้คุมอนุญาตให้ผู้ต้องขังเข้าไปในเรือนนอนแล้ว จะมีการล็อกประตูห้องขังทันที และนำกุญแจห้องขังไปเก็บไว้ที่ ""ประตูใหญ่" ซึ่งเป็นจุดรวบรวมกุญแจห้องขังทุกห้อง โดยมีเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งคอยดูแลอย่างเคร่งครัด

กรณีที่มึการมองกันว่า เจ้าหน้าที่ในเรือนจำอาจรู้เห็นเป็นใจ ช่วยกันก่อเหตุขึ้นนั้น ยืนยันว่า เป็นเรื่องยากมาก เพราะผู้คุมจะทราบกันดีว่า หากเป็นผู้ต้องขังคดีการเมือง / จะไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย  เพราะผู้ต้องขังกลุ่มนี้มีเส้น แถมมีกระบอกเสียงของตัวเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะมีการตีข่าวกระฉ่อนไปทั่ว / ขณะที่การเมืองไทยก็พลิกผันตลอดเวลา  โอกาสที่ผู้ต้องขังเหล่านี้จะกลับมามีอำนาจก็มีสูงมาก ทำให้ผู้คุมทุกคนไม่อยากยุ่ง

(ที่ผ่านมาก็เคยมีผู้ต้องขังคดีการเมืองหลายคน เคยอยู่ในเรือนจำ ออกไปเป็นรัฐมนตรี มีตำแหน่งแห่งหนทางการเมืองก็หลายคน เช่น แกนนำคนเสื้อแดง เป็นต้น)

อดีตผู้คุม ยังบอกอีกว่า การเขียนจดหมายของผู้ต้องขังเพื่อส่งถึงครอบครัว หรือนำออกมาเผยแพร่ต่อสังคม เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน เพราะทางเรือนจำจะตรวจสอบจดหมายที่ผู้ต้องขังเขียนอย่างละเอียด หากได้รับการอนุญาต ก็จะมีการแสตมป์ผ่านให้จดหมายนั้นส่งออกไปได้ แต่จะถูกสกรีนเนื้อหาอย่างเข้มงวด

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แต่ละวันที่ผู้ต้องขังต้องอยู่หลังกำแพงคุกนั้น พวกเขามีกิจกรรมอะไรกันกันบ้าง และมีไทม์ไลน์ชีวิตอย่างไร

จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าวข้นคนข่าว" พบว่า ตารางเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ของผู้ต้องขัง จะมีการระบุไว้อย่างชัดเจน

เริ่มตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ผู้คุมจะทำการ "ไขขัง" หรือ "ไขประตูห้องขัง" และนำตัวผู้ต้องขังไปอาบน้ำ ทำภารกิจส่วนตัว จากนั้นเวลา 7 โมง จะพาผู้ต้องขังไปรับประทานอาหาร  8 โมงเข้าแถวเคารพธงชาติ

8 โมงครึ่ง จะให้ผู้ต้องขังไปทำภารกิจหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ทางเรือนจำได้จัดไว้ให้ แต่ในกรณีของผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับประกันตัว เพราะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี รวมถึงเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ใน "กลุ่มเปราะบาง" ซึ่งหมายถึงพวกที่โดนคดีการเมือง / กลุ่มนี้ผู้คุมจะไม่ค่อยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามใจ แต่จะไม่ค่อยบังคับให้ทำกิจกรรมเหมือนบรรดานักโทษเด็ดขาดที่คดีถึงที่สุดแล้ว

สำหรับ "ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง" เป็นกลุ่มที่มีโอกาสได้รับอิสรภาพสูง และมีคนนอกเรือนจำคอยให้ความช่วยเหลือทางคดี กลุ่มนี้จะมีเทคนิคให้ทนายเข้าเยี่ยมสลับกันไปเรื่อยๆ ทนายคนแรก ต่อด้วยทนายคนที่ 2 เพื่อวางแผนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ หรือนำเรื่องราวของคนในเรือนจำ ออกไปบอกคนข้างนอก หรือที่เรียกว่า "กระบอกเสียง" นั่นเอง

อดีตผู้คุมที่ทำงานในเรือนจำต่างๆ มานานหลายปี บอกว่า การเขียนจดหมาย หรือร้องเรียนเรื่องความไม่ปลอดัยภายในเรือนจำ ส่วนใหญ่ผู้ต้องขังสร้างเรื่่องแบบนี้ขึ้นเพื่อเป็นเงื่อนไขในการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เพราะเรื่องความไม่ปลอดภัยถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ศาลให้ความสำคัญอย่างมาก อย่างกรณี "จดหมายของนายอานนท์" แม้กรมราชทัณฑ์จะเคลียร์แล้วว่าไม่จริง แต่ศาลก็นัดไต่สวนทันทีในวันนี้

logoline