svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

อนุกมธ.พานิชย์ เตือนอย่าใช้แบบมาตรฐานจดหนังสือบริคณห์ฯ

09 มีนาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อนุ กมธ.พาณิชย์ฯ จับมือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและ กรมสรรพากร ปฏิรูปการจดหนังสือบริคณห์สนธิให้เป็นสากล เตือน ผู้ประกอบการ ควรจดวัตถุประสงค์เฉพาะที่บริษัททำจริง อย่าใช้แบบมาตรฐาน ที่ครอบจักรวาล ระวังอนาคตมีปัญหาเหมือนนักการเมือง

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพาณิชย์ฯ ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาการปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ โดยมี นางสาวปัทมาวดี ปุญโญภาส รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจ นางสาวขนิษฐา สหเมธาพัฒน์ ที่ปรึกษาอธิบดีสรรพากร นายถนัดกิจ นิวาทวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฤษฎีกาเข้าร่วมประชุมในฐานะอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นการประชุมตามที่สภาผู้แทนราษฎรมอบหมายให้พิจารณาตามญัตติที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอให้มีการปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิที่ปัจจุบันไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้ได้เชิญกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานกฤษฎีกา กรมสรรพากร มาร่วมกันหารือเพื่อปรับปรุงแบบฟอร์มจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ ซึ่งแต่เดิมมีปัญหาเนื่องจากการจดหนังสือบริคณห์สนธินั้น มีความแตกต่างกัน รวมไปถึงดุลพินิจของเจ้าพนักงานก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้รูปแบบของจดหนังสือบริคณห์สนธินั้นไม่เป็นไปตามรูปแบบสากล ซึ่งที่ประชุมก็ได้มีมติให้กรมสรรพากรและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไปประชุมนอกรอบอีกครั้ง เพื่อกำหนดหัวข้อ วัตถุประสงค์ของบริษัท เพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ และเมื่อผู้ประกอบการทำธุรกิจใดก็สามารถเลือกจากรายการที่ทางกรมสรรพากร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ตกลงจัดทำเป็นรูปแบบเดียวกัน และเป็นมาตรฐานสากลอีกด้วย


ประธานคณะอนุกรรมาธิการพาณิชย์ฯ กล่าวต่อ หนังสือบริคณห์สนธิ คือหนังสือสำคัญประเภทหนึ่งที่ใช้ในการจดทะเบียนบริษัท เพื่อเป็นการเปิดเผยเจตนาต่อบุคคลทั่วไปในการจัดตั้งบริษัท เป็นเอกสารที่กำหนดรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทจำกัด เช่น กรอบวัตถุประสงค์ของบริษัท จำนวนหุ้นที่จดทะเบียน รายชื่อผู้ก่อตั้ง เป็นต้น

"ในส่วนผู้ประกอบการที่กำลังจะจดหนังสือบริคณห์สนธิ ก็ขอฝากว่าอยากให้ท่าน จดวัตถุประสงค์ของบริษัทเฉพาะที่บริษัททำธุรกิจจริง ไม่จำเป็นต้องไปจดวัตถุประสงค์แบบครอบจักรวาล หรือใช้ในรูปแบบมาตรฐานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเท่านั้น เพราะในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ เนื่องจากหากธุรกิจที่จดนี้ มีวัตถุประสงค์มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายในอนาคตได้ อย่างเช่นกรณีที่พบว่ามีนักการเมืองถือหุ้นบริษัททำสื่อ ทั้งที่บริษัทนั้นไม่ได้ทำสื่อจริงก็เป็นปัญหาได้ เพราะว่าทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าทุกคนต้องทำธุรกิจ ต้องประกอบสัมมาชีพ ฉะนั้นบางทีเราไม่ได้ทำธุรกิจนั้น แต่เราไปจดก็จะเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายได้ และที่สำคัญถ้าเราจดวัตถุประสงค์มากเวลาไปติดต่อส่วนราชการ ก็ทำให้ต้องถ่ายเอกสารเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองทรัพยากรอีกด้วย" นายอัครเดช กล่าว

logoline