svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ตร.ฝากขังแก๊งโตโต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว อ้างวางแผนป่วนชัดเจน

08 มีนาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจฝากขัง โตโต้ กับพวก Wevo รวม 15 คน ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนท์ ระบุพฤติการณ์ชัดวางแผนนำอาวุธก่อความวุ่นวายในการชุมนุม พร้อมขอค้านการประกันตัว หรือหากจะปล่อยชั่วคราวก็ขอให้มีเงื่อนไข

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ อายุ 31 ปี กับพวกรวม 15 คน เป็นแกนนำกลุ่ม Wevo รวมกลุ่มที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที 8 - 19 มี.ค.เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 30 ปาก รอผลตรวจรอยนิ้วมือประวัติต้องโทษ และอื่นๆ

พฤติการณ์คำร้อง สรุปได้ว่า สืบเนื่องมาจากก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 มี.ค.เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่ม wevo โดยมีนายปิยรัฐ หรือโต จงเทพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม wevo ตามรายงานสืบสวนของตำรวจสันติบาล ได้ข่าวในเชิงลึกว่า ในวันที่ 6 มี.ค. จะมีการนัดหมายรวมกลุ่มกันบริเวณลานจอดรถอาคารจอดรถ ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน เพื่อวางแผนที่จะนำอาวุธ เช่น หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ระเบิดควัน และวัตถุอื่นที่ใช้เป็นอาวุธได้มาใช้ในการก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมเพื่อสร้างสถานการณ์ซึ่งในการชุมนุมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้มีกลุ่มบุคคลเข้าแทรกซึมรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้หนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว และน็อตเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังใช้ระเบิดควันขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง

ต่อมา วันที่ 6 มี.ค. เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นบุคคลมารวมกลุ่มกันมีจำนวนประมาณ 50คน ที่บริเวณอาคารจอดรถ 6 ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รัชโยธิน เมื่อได้สังเกตใบหน้าของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้วพบว่ามีบางคนที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับสมาชิกในกลุ่ม Wevo ซึ่งได้รับรายงานการสืบสวนจากตำรวจสันติบาลก่อนหน้านี้ว่ามีลักษณะรวมตัวกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลพื่อกระทำผิด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพิจารณาแล้วเห็นว่าการรวมกลุ่มกันของบุคคลข้างต้นนั้นมีลักษณะว่าเป็นการชุมนุมมั่วสุมกันอันเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและเป็นกลุ่มสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งมารวมกลุ่มมั่วสุมซึ่งอาจจะก่อเหตุสร้างความวุ่นวายและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมเพื่อสร้างสถานการณ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวข้างต้น โดยก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ต้องหากับพวกดูจนเป็นที่พอใจแล้วจึงทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นพบสัมภาระเป็นสิ่งของทั่วไป และยังตรวจค้นพบวัตถุซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ (อาทิเช่น เสื้อเกราะ พร้อมแผ่นเหล็กกันกระสุน), วัตถุซึ่งอาจใช้เป็นอาวุธและวัตถุซึ่งอาจใช้ก่อความวุ่นวายในการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองจำนวนหลายรายการ


อย่างไรก็ตาม ประกอบกับข้อมูลที่ได้สืบทราบมาก่อนหน้านี้น่าเชื่อว่านายปิยรัฐฯผู้ต้องหาที่ 1 นายภัทรกัณฑ์ รุ่งอุทัย ผู้ต้องหาที่ 2 นายมงคล ศรีสงค์ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายเกียรติศักดิ์ แสนนามวงษ์ ผู้ต้องหาที่ 4 มีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มวัยรุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายปิยรัฐฯ กับพวกทั้ง 4 คน แต่ระหว่างควบคุมตัวแกนนำเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อไปคุมตัวที่ บก.ตชด.ภ.1 ปรากฏว่าได้มีกลุ่มการ์ด wev๐ ซึ่งรออยู่ได้เข้ามาพยายามขัดขวางการขนย้ายผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่รถสำหรับบรรทุกผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ต้องหาบางส่วนได้รับการช่วยจากกลุ่มการ์ด wevo ติดตามทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาคเจ็บ เปิดประตูรถให้ผู้ถูกจับหลบหนีไปได้ จนกระทั่ง 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

ประกอบด้วย นายปิยรัฐ ต้องหาที่ 1 นายภัทรกัณฑ์ ผู้ต้องหาที่ 2 นายมงคล ศรีสงค์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 4 นายบารมี เลิศวิทยาประสิทธิ์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่5 นายธีรวีร์ ปรีดีย์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่6 นายกรินทร์ ศรีนาครอายุ22 ปี ผู้ต้องหาที่ 7 นายวราวุฒิ จันทร์ประมูล อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 8 นายณัฐพงศ์ คำจันทร์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาที่ 9 นายวชิรวิทย์ บุญมา อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่10 นายอมร เอกรัมย์ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาที่ 11 นายศุภพล แต้มมณี อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 12 นายภากร สอนศรี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่ 13 นายธนภัทร ธรรมโชติ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่14 นายธนวัฒน์ บุษราคัม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ 15 (นายณัฐ ทองบัวศิริไล อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาที่11 ตามบันทึกการจับกุม ได้รับการปล่อยตัวในชั้นพนักงานสอบสวน )

โดยพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา ว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 , ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไปและฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ,เป็นสมาชิกคณะบุคคลเพื่อปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ , สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อจะกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรือจะต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธหรือโดยร่วมการกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์

ผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา

โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนระบุว่า หากผู้ต้องหาที่ 1-15 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย เนื่องจากหากปล่อยตัวไปแล้วเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหานี้ยังมีพฤติการณ์กระทำความผิดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น อยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดีในความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ในท้องที่อื่น ๆ อีกหลายคดีเช่นท้องที่ สน.สำราญราษฎร์, สน.นางเลิ้ง , สน.พญาไท, สน. ยานนาวา และสน.ชนะสงคราม ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันสังคมโดยส่วนรวมต้องการความร่วมมือในการงดการชุมนุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อภายในประเทศ แต่หากศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 15ราย ก็ขอศาลได้โปรดกำหนดเงื่อนไขกลุ่มผู้ต้องหาโดยห้ามเข้าร่วมการชุมนุมหรือการกระทำใด ๆ ด้วยประการทั้งปวงอันเป็นการยุยงหรือสนับสนุนให้มีการชุมนุมไม่ว่ากรณีใด ๆ หรือห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลก่อน

โดยศาลได้สอบถามผู้ต้องหาและไต่สวนพยานหลักฐานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์แล้วไม่คัดค้าน อนุญาตตามคำร้อง

logoline