ฝ่ายค้าน ส่งปปช.เชือด "นายกฯ-จุรินทร์"10มี.ค.นี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังการประชุมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายค้านเพื่อประชาชนว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย 7 รัฐมนตรี หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดย ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายร่างคำร้อง ซึ่งบางคนจะถูกยื่นตรวจสอบทั้ง 2 หน่วยงาน หากคำร้องคนใดเสร็จก่อนก็ยื่นก่อน เบื้องต้นในวันที่ 10 มีนาคมนี้จะไปยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบพลเอกประยุทธ์ กับนายจุรินทร์ก่อน


นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานการประชุม ได้กล่าวถึง พ.ร.บ.ประชามติ ว่าได้ผ่านสภาในวาระแรกแล้ว และคณะกรรมาธิการได้มีการพิจารณาเสร็จแล้ว เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวาระ 2 ต่อไปว่า คาดว่าในการพิจารณาในวาระ 2 จะเกิดขึ้นในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ หลังจากการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านมีความเห็นร่วมกันว่าการออกเสียงประชามติต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสทั่วถึงและเที่ยงธรรมป้องกันการทุจริตได้ ซึ่งได้มีการเสนอให้มีการออกเสียงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม รวมถึงการออกเสียงทางไปรษณีย์ การออกเสียงนอกราชอาณาจักร และนอกเขตได้ โดยข้อเสนอทั้งหมดคณะกรรมการเห็นชอบ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีหน้าที่ต้องไปร่างระเบียบการออกเสียงประชามติเพื่อให้เกิดความรัดกุมไม่ให้มีการทุจริตเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน

สำหรับบทลงโทษของร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องและมีการทุจริตเกิดขึ้นจะรุนแรงกว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีปัญหาในการตีความได้กว้างและลึกเกินไปทำให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแบบครอบจักรวาล เช่น ก่อความวุ่นวายในการออกเสียงประชามติ

ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการเสนอเพิ่มถ้อยคำจากเดิมที่มีเพียงคำว่าสุจริตและเที่ยงธรรม ควรเพิ่มคำว่า ควรจัดทำประชามติด้วยความเสรีและเสมอภาค เพราะการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องความเสมอภาค พร้อมเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง ภาคประชาชน เอกชน ตัวแทนกลุ่มต่างๆร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจให้ประชาชน ได้อย่างเต็มที่ โดยให้ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวันมูหะมัด ย้ำว่า จะขอพิจารณาคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 มีนาคมนี้ก่อนว่าจะออกมาอย่างไร แต่ไม่ว่าแนวทางออกมาอย่างไรก็จะถามประชาชน


นายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในแนวทางที่เป็นคุณต่อผู้เสนอญัตติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีทั้งร่างของพรรคร่วมรัฐบาล ร่างของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และร่างที่ภาคประชาชนเสนอ ซึ่งมีหลักการเดียวกันในการแก้ไขมาตรา 256 และการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างฉบับใหม่เนื่องจากทุกภาคส่วนต่างเห็นว่ารัฐธรรมนูนฉบับปัจจุบันยังเป็นปัญหาและทางออกของประเทศจะต้องมีการยกร่างฉบับใหม่

โดยเชื่อว่าแนวทางการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้เดินทางผิดหรือออกนอกจากแนวทางของกฎหมาย ซึ่งร่างที่ผ่านการพิจารณาก็ได้ยึดหลักอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ในปี 2555 เพราะหากผ่านการพิจารณาวาระ 3 ไปแล้วก็จะต้องนำร่างกฎหมายไปทำประชามติ โดยย้ำว่าไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาทางใดในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ฝ่ายค้านเห็นว่ารัฐสภาจะต้องเดินหน้าในการพิจารณาโหวตวาระ 3 ต่อไป

นอกจากนี้ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าสมาชิกรัฐสภา จะโหวตผ่านในวาระที่ 3 เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ