นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎรที่นำมวลชนทำกิจกรรม เดินทะลุฟ้า บอกบนเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ทุกการต่อสู้แม้คนน้อยหรือมาก ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้หากเพราะเป็นการแบกเอาความหวัง และความคิดต่อสู้ไปด้วย ซึ่งตนเองต่อสู้มาเป็น10ปี ไม่เคยต่อสู้ด้วยความหวัง แต่ต่อสู้สู้ด้วยหัวใจ และไม่เคยหยุดสู้แม้จะมีคนมาร่วมต่อสู้น้อยหรือมาก เพราะเป็นการต่อสู้ก็เพื่อชีวิตที่ดีๆ แม้จะเป็นหน้าที่ของรัฐ แต่รัฐไม่เคยจัดสรรสวัสดิการดีๆให้ จึงเป็นเรื่องของผู้คนและยืนยันว่า ตราบใดที่ยังมีคนมาร่วมอยู่ก็จะสู้ต่อไปแน่นอน
นายจตุภัทร ยังบอกอีกว่า สมัยที่ตนโดน ม.112 จนติดคุกก็เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้มาตรานี้ดำเนินคดีกับตน ดังนั้นมองว่า ม.112 จึงไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นเครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมาย และมาตรานี้เป็นปัญหาต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ
รวมถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มราษฎรถูกคุมขังด้วยมาตรา112ทั้งที่ศาลชั้นต้นยังไม่มีคำตัดสินและยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตามกฎหมาย ผู้ถูกกล่าวหา ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด ไม่เหมือนกับคดีกปปส.ที่ไม่ต้องติดคุก รอจนกว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัย ดังนั้นหากไม่อยากถูกปิดปาก จะต้องยกเลิก ม.112
และมองว่า การเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ การให้ยกเลิก ม.112 การให้ร่างรัฐธรรมนูญ และการขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่ความถูกใจ แต่คือความถูกต้อง ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ คือ ปัญหา
ทั้งนี้กลุ่มราษฎร เดินทะลุฟ้า ได้ประกาศยุติชุมนุมเวลา 22.05น. พร้อมนัดหมายมวลชน ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว ในวันรุ่งขึ้น เวลา 08.15 น. เพื่อเดินเท้าไปส่ง "ไผ่-ไมค์" ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาฯ