5 มีนาคม 2564 พลตำรวจโท ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดโครงการนาคาพิทักษ์รักษ์ประชา ประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับตัวแทนตำรวจภูธรทั้ง 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน หลังพบว่า ปัญหาการก่อเหตุของผู้ป่วยจิตเวช โดยเฉพาะที่มีสาเหตุจากการใช้สารเสพติด มีความรุนแรง และบ่อยครั้ง เกิดความสูญเสีย และสร้างความหวาดกลัวให้กับสังคมอย่างมาก แต่ยังไม่มีหน่วยงานใด เป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารจัดการ
ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 กล่าวว่า ตำรวจจะเดินชนปัญหาด้วยตัวเอง โดยไม่หวังพึ่งข้อมูลจากหน่วยงานอื่นอย่างเดียว เบื้องต้นมีการลงพื้นที่เอ็กซเรย์แล้ว แต่จะมีการรีเช็คพื้นที่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องภายในเดือนเมษายน ตั้งเป้าว่า จะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนกันยายนนี้ สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติ จะมีการร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานสาธารณสุข แบ่งมอบหน้าที่ แสวงหาความร่วมมือ ประเมินกลุ่มเสี่ยงผู้มีอาการทางจิต แบ่งการเฝ้าระวัง เป็น 3 ระดับ ได้แก่ เฝ้าระวัง เฝ้าระวังสูง เฝ้าระวังสูงสุด เมื่อได้ข้อมูลสถานภาพแล้ว จัดทำแผนงาน 1 ทีมผู้พิทักษ์ 1 ผู้ป่วยจิตเวช เมื่อผู้ป่วยจิตเวชก่อเหตุ ทีมเผชิญเหตุ จะมีข้อมูลผู้ก่อเหตุ มีความพร้อม สามารถใช้ยุทธวิธีเข้าระงับเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัย นำตัวส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อรักษาอาการเบื้องต้น หรือโรงพยาบาลจิตเวช ตามกระบวนการของโครงการฯ
ส่วนกรณีการจับกุมนายทิวากร วิถีตน ที่ออกแคมเปญใส่เสื้อสกรีนข้อความ "เราหมดศรัทธา.."(สถาบันพระมหากษัตริย์) ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 กล่าวว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน พูดอะไรมากไม่ได้ ศาลให้ประกันตัวไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เดิมมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสภาพจิตในปัจจุบัน รอแพทย์ยืนยันว่า ดีขึ้นหรือลดน้อยถอยลง ยืนยันว่า ตำรวจทำตรงไปตรงมา อยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าทำผิดซ้ำอีก ก็ถือว่า ต่างกรรมต่างวาระ
ขณะที่นายทิวากร ให้สัมภาษณ์หลังได้รับประกันตัวเมื่อวานว่า การต่อสู้คดีในชั้นศาล ตนจะยืนยันถึงสิทธิเสรีภาพ ให้เป็นที่ยอมรับทุกๆฝ่ายว่า คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทุกๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องสถาบันด้วย หากทุกฝ่ายยอมรับ จะช่วยลดความรุนแรงสถานการณ์ทางการเมืองได้ หากต้องการปกป้องสถาบัน ไม่ควรนำสถาบันมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน