ด้านนายสมพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตนให้ความเคารพกับอาชีพครูมาโดยตลอด เพราะถ้าไม่มีครู ตนก็ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เราได้รับการฝึกปรือจากครู ทุกคนเป็นบุคคลากรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศ ทำหน้าที่สร้างลูกหลานให้มาสร้างชาติในอนาคต ส่วนการทำงานในสภาฯของพวกเรา ที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค มีความตั้งใจอย่างมาก ที่จะชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดในการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา ชี้จุดอ่อนให้รัฐบาลได้เห็น พรรคฝ่ายค้านเราทำงานด้วยความสามัคคี แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน แต่คงมีอีกหลายเรื่องที่อาจจะยังไม่ได้อภิปรายในสภาฯ เนื่องจากมีกรอบเวลาเป็นข้อจำกัด หลังจากนี้เริ่มจากวันพุธที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป จะไปยื่นเรื่องดำเนินการเอาผิดกับรัฐมนตรีในประเด็นต่างๆตามที่ได้นำเสนอผ่านสื่อมวลชน ตนอยากขอให้ทุกคนเชื่อมั่น และไว้วางใจการทำงานของพวกเรา
นอกจากนี้นายวีรบูล ยังได้กล่าวถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ว่า 7 ปีที่ผ่านมาหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ประเทศไทยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว 4 คน มีทั้ง ทหารเรือ ,ทหารบก ,นายแพทย์ และนักธุรกิจ แต่ระบบการศึกษาของชาติก็ยังไปไม่ถึงไหน และยังไม่ได้คนที่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษาอย่างจริงจังเข้ามาบริหารงานเลย ดังนั้นส.ค.ท จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจที่จะเลือกคนที่ดี ที่เหมาะสมเข้าคุมกระทรวงศึกษาธิการ นั่นคือบุคคลที่เป็นนักการศึกษา หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับด้านการศึกษามาบ้าง ซึ่งก็เข้าใจว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นเรื่องของการเมือง แต่ก็อยากให้นายกฯ เลือกคนให้เหมาะกับงานด้วย
ทั้งนี้ ส.ค.ท ได้ยื่นข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี 5 ข้อถึงคุณสมบัติของ รมว.กระทรวงศึกษาคนใหม่ คือ 1.ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส ตรวจสอบได้ 2.ต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทางด้านการศึกษา 3.ต้องเป็นผู้มีความมุ่งมั่นที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 4.ต้องให้ความสําคัญกับวิชาชีพครู 5.ต้องใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานเด็กไทย ตามหลัก สิทธิมนุษยชน