ผบ.ตร.ย้ำ ‘ค้านประกัน’ ทุกความผิดคดีม็อบ

3 มีนาคม 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เพื่อร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ในการหารือการเตรียมความพร้อมการนัดชุมนุม "ม็อบอาชีวะไล่เผด็จการ" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ "รวมพลคนเสื้อแดงแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63" จากรังสิตเดินเท้ามายังกรมทหารราบที่ 11 ในวันที่ 6 มีนาคม 2564
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุเนื้อหาการหารือก่อนเข้าห้องประชุมว่า วันนี้เป็นการทบทวนและถอดบทเรียนจากการชุมนุมที่ผ่านมา ซึ่งพบกลุ่มผู้ชุมนุมมีลักษณะกระจายตัว ทำให้ตำรวจต้องปรับแผนเพื่อเตรียมรับมือ ส่วนตำรวจจะใช้กำลังเท่าไรนั้นต้องพิจารณาจากกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนการชุมนุมวันที่ 6 มีนาคม นี้ พบว่าผู้ชุมนุมบางกลุ่มยังไม่มีข้อสรุป ดังนั้นตำรวจจึงติดตามและประเมิมตามสถานการณ์ 
ส่วนมาตรการรับมือ การก่อเหตุเผาทำลายสถานที่สำคัญ, ทำลายทรัพย์สินส่วนราชการหรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจก็จะไล่ดำเนินคดีให้ครบทุกราย ยืนว่าการจับกุมดำเนินคดีไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา
ส่วนกรณีตำรวจถูกตั้งข้อสงสัยการไม่ให้ประกันตัวกับแกนนำที่ถูกจับกุม ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนตำรวจไม่ให้ประกันตัวอยู่แล้ว และความผิดเกิดขึ้นในเฉพาะบุคคลส่วนการจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอำนาจและดุลพินิจของศาล โดยตำรวจไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
ขอยืนยันตำรวจทำตามหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งส่วนการจับกุมนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์เป็นไปตามขั้นตอนและตำรวจมีหลักฐานชัดเจน โดยหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญารัชดา ให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มี รองสารวัตร สน.ธรรมศาลาเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ในการควบคุมการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ได้สั่งการให้ปรับมาตรการคัดกรองโรคกลุ่มเสี่ยงสำหรับผู้ที่จะมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน จากเดิมที่กำหนดเกณฑ์อายุ 50 ปีขึ้นไป ปรับลดเหลือ 45 ปี พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาให้เข้มงวดเรื่องตรวจสุขภาพของผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะมาปฎิบัติหน้าที่ในทุกระดับชั้น ส่วนการสูญเสียที่เกิดขึ้นยืนยันตำรวจไม่ได้เสียขวัญ แต่ยอมรับว่าบางครั้งเรื่องสุขภาพไม่สามารถควบคุมได้จึงขอให้นำไปเป็นบทเรียน