"ครม.ตู่ 3" รื้อใหญ่ "สุชาติ-คุณหญิงกัลยา" หลุดเก้าอี้รมต.

27 กุมภาพันธ์ 2564 แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงการปรับ ครม.หนนี้ จะเป็นการปรับใหญ่ แต่สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจะยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือ พลังประชารัฐ 18 ที่นั่ง ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ พรรคละ 7 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 2 ที่นั่ง และรวมพลังประชาชาติไทย 1 ที่นั่ง รวมเป็น 35 ที่นั่ง ไม่นับนายกรัฐมนตรี

โดยมีกระแสข่าวว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล พยายามผลักดันให้ลูกชาย คือ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และเป็น ส.ส.นครราชสีมา ขยับไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐดิจและสังคม หรือ ดีอีเอส

ส่วน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" หัวหน้าพรรค อาจจะขยับไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่นั่งเก้าอี้รมช.คลังอยู่ในปัจจุบัน ขยับไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีแนวโน้มหลุดจากตำแหน่ง

สาเหตุที่นายสุชาติ ส่อหลุดเก้าอี้ เพราะพลังต่อรองภายในพรรคเริ่มลดลง เนื่องจากขัดแย้งกับ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ทั้งๆ ที่เคยจับมือกันแน่น โดยระยะหลัง นายวิรัช ไปแพ็คเป็นกลุ่มเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมอเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบกับ ส.ส.ในพรรคไม่ค่อยพอใจนายสุชาติ ที่หลังได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ค่อนข้างห่างเหิน ไม่ค่อยดูแลให้ความใกล้ชิดกับ ส.ส.เหมือนเก่า

ขณะที่ข่าวอีกกระแสหนึ่ง ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส อาจขยับไปคุมกระทรวงดิจิทัลฯด้วยตัวเอง เพราะเคยมีกระแสวางตัวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งรัฐบาล

สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ และเป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาล อีกทั้ง ยังต้องเผชิญแรงกดดันจาก "ม็อบเด็ก" รวมถึงกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษานั้น มีข่าวแว่วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจะดึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ มานั่งในตำแหน่งนี้ รวมถึง นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็แว่วว่าจะวิ่งมาเป็นรัฐมนตรีในโควต้า กทม. รอบนี้ด้วย

แต่ทว่า นายพีระพันธุ์ ถือเป็น "คนนอกพรรค" เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพลังประชารัฐ ทำให้ที่ผ่านมามี ส.ส.ออกมาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อเพื่อมอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้คัดเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยพิจารณาจาก "คนใน" เท่านั้น อีกทั้งยังมีความเคลื่อนไหวของ ส.ส.ภาคใต้ "กลุ่มด้ามขวานไทย" ซึ่งมีถึง 13 คน แต่กลับไม่เคยได้เก้าอี้รัฐมนตรีเลย โดยแหล่งข่าวจากกลุ่มด้ามขวานไทย ระบุว่า ครั้งนี้จะต้องสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงไหนก็เอา เป็นรัฐมนตรีช่วยก็ได้

ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าง 1 เก้าอี้ คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ของนายถาวร เสนเนียม นั้น มีรายงานว่า วัฒนธรรมของพรรคเก่าแก่พรรคนี้ ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี จะต้องเป็นมติจากที่ประชุมของกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค โดยยึดความอาวุโสตามลำดับชั้นของการเป็น ส.ส.มาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งคาดว่าคนที่จะได้รับการเสนอชื่อให้รับตำแหน่งแทนนายถาวร จะยังคงเป็นตัวแทนจากพื้นที่ภาคใต้

โดยขณะนี้คนที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ซึ่งเป็นอดีตแกนนำ กปปส.ร่วมกับนายถาวร จึงน่าจะได้รับการสนับสนุน ส่วน ส.ส.ใต้คนอื่นๆ ที่อาวุโสและมีลุ้นเป็นรัฐมนตรี อย่าง นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นต้น

ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า ทางพรรคเตรียมปรับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ออกจากตำแหน่ง เพื่อขยับให้คนอื่นภายในพรรคได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี

นอกจากนี้ มีรายงานว่า การปรับ ครม.หนนี้ ได้มีการหารือกันในหมู่พรรคร่วมรัฐบาลว่า จะขอสลับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงที่แต่ละพรรคเป็นรัฐมนตรีว่าการ โดยมีแนวคิดว่าหากพรรคใดเป็นเจ้ากระทรวงใด รัฐมนตรีช่วยก็จะให้เป็นของพรรคนั้น เพื่อให้การทำงานราบรื่น ซึ่งกระทรวงที่คาดการณ์ว่าอาจจะมีการสลับ คือ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง แต่มีรัฐมนตรีช่วยเป็นของพรรคภูมิใจไทย กับกระทรวงคมนาคม ที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และมีรัฐมนตรีช่วยเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงโควต้าในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงสาธารณสุขด้วย