ผู้เสียหาย "บ้านออมเบสท์" นับร้อยเดินหน้าเร่งรัดดำเนินคดี

22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ผู้เสียหายกว่าร้อยคนจากการร่วมลงทุนให้ผลตอบแทนสูง "บ้านออมเบสท์" เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา เพื่อเร่งรัดคดีให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงาน ผู้เสียหายวอนให้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำหรือสอบสวนภายใน 15 วัน
พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย เปิดเผยว่า "ขณะนี้จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดหลังรับเรื่องในวันนี้ ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ ขณะนี้พนักงานสอบสวนเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการแล้ว"

ด้านตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า "ขอให้ทางตำรวจเร่งรัดในการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพบตำรวจโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้มีผู้เสียหายหลายรายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการร่วมลงทุนในครั้งนี้ ทั้งมูลค่าความเสียหายนับหลายร้อยล้านบาท ซึ่่งถือเป็นคดีที่ใหญ่มากต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด"ผู้เสียหายรายหนึ่ง เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต สูญเงินไปมากกว่า 5 แสนบาทจากการหลงเชื่อครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งความไว้ที่ท้องที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งผู้เสียหายในจังหวัดภูเก็ตรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 22 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่่า 7 ล้านบาท

ส่วนผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนเองหลงเชื่อจากคำชักชวนจาก น.ส.เบสท์ เพราะก่อนหน้านี้เคยซื้อขายสินค้ากันมาตลอดระยะเวลานาน อีกทั้งภูมิลำเนาก็อยู่ในละแวกเดียวกัน เมื่อมีการชักชวนและคิดว่าเป็นการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงโอนเงินให้ไป ช่วงแรกก็ได้รับดอกเบี้ยจากการลงทุนจริง ลงทุนไป 10,000 บาท ระยะเวลา 7 วันได้กำไรถึง 2000 บาท แต่ น.ส.เบสท์ มิได้โอนเงินต้นคืนมาแต่อย่างใดเพียงแค่โอนยอดดอกเบี้ยมาเท่านั้น

จากการลงพื้นที่สอบถามข้อมูลจากผู้เสียหายหลายรายต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะความเชื่อใจและได้ผลตอบแทนที่สูงมากและน่าเชื่อถือเพราะเป็นคนที่รู้จักกัน ต่อจากนี้จะดำเนินการร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมและรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายส่งไปยังดีเอสไอต่อไป
ขณะที่ น.ส. เบสท์ ผู้ถูกกล่าวหาขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวและติดต่อกลับมาเพื่อรับผิดชอบแต่อย่างใด