นาฬิกาสัญลักษณ์วันโลกาวินาศ (Doomsday Clock) ได้ถูกตั้งไว้ที่ 100 วินาทีก่อนถึงเวลาเที่ยงคืน หรือไม่ถึง 2 นาที!! เพื่อเป็นการสื่อว่า ขณะนี้โลกยังตกอยู่ในความเสี่ยงและเข้าใกล้ช่วงเวลาหายนะ ท่ามกลางการเกิดวิกฤติด้านสาธารณสุข จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวโลกไปกว่า 2.1 ล้านศพ และมีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกในขณะอยู่ที่ประมาณ 101.4 ล้านราย!!
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ขององค์กร อ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็นปัจจัยในการกำหนดเวลาที่เหลือของโลก ซึ่งถือว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น
ราเชล บรอนสัน ประธานและซีอีโอขององค์กร ได้บอกว่า...
"เราตระหนักดีว่า...
มนุษยชาติยังคงต้องทนทุกข์ทรมานจากการระบาดของโควิด-19 ที่แพร่ไปทั่วโลกการระบาดครั้งใหญ่
เผยให้เห็นว่าประเทศต่าง ๆ ไม่ได้เตรียมตัว
และไม่ได้เต็มใจที่จะจัดการกับภาวะฉุกเฉินอย่างเหมาะสมมากเพียงใด
แต่โควิด -19 จะไม่ลบล้างอารยธรรม และคาดว่าโรคนี้จะถอยไปในที่สุดถึงกระนั้นการระบาดของโรค
ก็ยังถือเป็นการปลุกครั้งประวัติศาสตร์
ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ที่ชัดเจนว่ารัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ
ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเป็นอันตราย
เช่น อาวุธนิวเคลียร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งปัจจุบันเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ"
ในแต่ละปีนักวิทยาศาสตร์ของ BAS จะวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ ของโลก แล้วประกาศตัวเลขเข็ม"นาฬิกาสัญลักษณ์วันโลกาวินาศ" ซึ่งเป็นการบอกเวลาเชิงสัญลักษณ์ เพื่อบ่งชี้สถานการณ์โลกว่ากำลังเข้าใกล้หายนะมากเพียงใดโดยปัจจัยหลักๆ ในการวิเคราะห์คือ ความเสี่ยงด้านอาวุธนิวเคลียร์และภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
โดยในปี 2563 เข็มนาฬิกาวันสิ้นโลกหยุดอยู่ที่100 วินาทีถึงเที่ยงคืนเช่นกัน และในปี 2562 เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 23:58 น. หรือ 2 นาทีจะถึงเที่ยงคืน ที่สำคัญในขณะนั้นโลกของเรา ยังไม่เจอกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่มีภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือกับสภาวะโลกร้อนที่คุกคามโลกที่รักของเราอยู่..นั่นเอง
องค์กร BAS ยังชี้ให้เห็นถึง การมีส่วนร่วมของข้อมูลเท็จและการยอมรับทฤษฎีสมคบคิด ที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต เพื่อปฏิเสธแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19