เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 819 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 808 ราย มาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมการระบาดระลอกใหม่ (วันที่ 18 ธันวาคม 2563 27 มกราคม 2564) 11,228 ราย หายป่วย 7,114 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 4,098 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 56 ปี มีโรคประจำตัว หลอดเลือดสมองตีบ ติดเตียง รวมผู้เสียชีวิตสะสม 16 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ภาพรวม 1 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 มีอัตราลดลง หลายจังหวัดควบคุมได้ดี มีเพียง 2 จังหวัดที่ คือ จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ที่ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง และมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งด้านพื้นที่ การดำเนินชีวิตและการเดินทางของประชาชน จึงต้องคงเข้มมาตรการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หยุดการแพร่ระบาดได้เร็ว จากการสอบสวนโรค พบว่าปัจจัยที่สำคัญของการแพร่กระจายเชื้อ คือ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว เพื่อน และคนรู้จัก เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน การอยู่ใกล้ชิดกัน พูดคุยกันโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย เป็นต้น
เช่นเดียวกับกรณีการระบาดที่โรงงานในแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน พบว่าเริ่มจากผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นแรงงานชายชาวเมียนมา ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง เข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่ จ.สมุทรสาคร ทำให้พบผู้ติดเชื้อเป็นพนักงานในโรงงานดังกล่าว 74 ราย และแพร่กระจายเชื้อไปยังเพื่อนอีก 2 โรงงาน ทำให้มีผู้ติดเชื้อในโรงงานทั้ง 2 แห่ง จำนวน 10 ราย และ 7 ราย ร้อยละ 80 เป็นแรงงานชาวเมียนมา ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นวงกว้าง คือ การพักอาศัยร่วมหอพักเดียวกัน นั่งรถไปทำงานคันเดียวกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน แม้จะมีการแยกผู้ติดเชื้อเข้าระบบแล้ว แต่การอยู่รวมกันหนาแน่น มีความเสี่ยงที่จะทยอยพบผู้ติดเชื้อได้
"อย่างไรก็ตาม มาตรการป้องกันส่วนบุคคลตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขยังต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัว เพื่อนและคนรู้จัก ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และเมื่อออกนอกบ้านไปสถานที่สาธารณะ สแกนไทยชนะ และดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะ เพื่อร่วมกันหยุดการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น" นพ.เฉวตสรร กล่าว