svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชว์ฝีมือ บุก!! ทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา แรงงานข้ามชาติจากเหนือจดใต้

27 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตามที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้กวาดล้างขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 717/2563 ลง 25 ธ.ค.2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยแต่งตั้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. เป็นคณะทำงาน นั้น

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 บก.ตม.1 ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวคล้ายโรฮีนจาเข้ามาพักอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 121/1 ม.1 ซ.เชิดวุฒากาศ 9/1 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่    กรมควบคุมโรคเข้าตรวจสอบพบภายในบ้านหลังดังกล่าว มีกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา (โรฮีนจา) จำนวน 1๙ ราย หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยพบว่าในกลุ่มดังกล่าวมีแรงงานที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกกว่า    7 ราย ทำให้ต้องกักตัวทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่ง ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า        เป็นกลุ่มที่เดินทางจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา เข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วลักลอบเดินทางจาก อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าสู่ที่เกิดเหตุโดยมีคนไทยและคนต่างชาติให้การช่วยเหลือฯ และรับผลประโยชน์ในกรณีดังกล่าว 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชว์ฝีมือ บุก!!  ทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา แรงงานข้ามชาติจากเหนือจดใต้


ชุดสืบสวน สตม.จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าวจนพบว่ากลุ่มขบวนดังกล่าวเป็นแก๊งค์ขนแรงงาน นำโดย เจ๊ดา บุคคลสัญชาติเมียนมา และนายอุสเซ็น หรือบาบู ซามิ สัญชาติเมียนมา เป็นตัวการร่วมกับพวกซึ่งเป็นคนไทยและอดีตข้าราชการกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลอนุมัติหมายค้นและหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว 
โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 06.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข  ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช. สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. นำกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด พร้อมหน่วยงานร่วมและหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมตรวจค้นพร้อมกันในพื้นที่ 5 จังหวัด ดังนี้
1. พื้นที่ จ.ตาก มีเป้าหมายตรวจค้น 2 จุด คือ
1.1 บ้านเลขที่ 81/2 สองแคว 1 ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก 
1.2 บ้านเลขที่ 137 ม.5 บ้านหนองกิ่งฟ้า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
ผลการปฏิบัติสามารถจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชว์ฝีมือ บุก!!  ทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา แรงงานข้ามชาติจากเหนือจดใต้


1.นายณัฐกร อิสแมน พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA VIGO สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 7398 ตาก (รถขน)
2. พลฯ นภวัต หรือศราวุธ จินดา (อดีตข้าราชการตำรวจถูกจับและไล่ออก ปี 2555) พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ Toyota Revo ทะเบียน บน 4826 ตาก (รถนำ) 
3. นายวิเชษฐ์ สุขศรี พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA VIGO สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 7398 ตาก (รถขน) 
2. พื้นที่ กทม. ตรวจค้นบ้านเลขที่ 11/192 ซอยช่างอากาศอุทิศ 12 แขวง/เขตดอนเมือง กทม. ผลการตรวจค้นจับกุม น.ส.ศิริพร บัวพิมพ์ (ภริยาของนายบาบู) และนางระมัย ไชยมาและตรวจยึดสมุดบัญชีและโทรศัพท์ไว้เพื่อตรวจสอบ
3. พื้นที่ จ.ปทุมธานี ตรวจค้นบ้านเลขที่ 16/09602 และเลขที่ 16/09603 บ้านเอื้ออาทร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้น เก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารเพื่อสืบสวนขยายผล
4. พื้นที่ จ.นราธิวาส ตรวจค้นบ้านเลขที่ 198/54 หมู่บ้านเนเจอร์โฮม หมู่ 5 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย โดยได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารเพื่อทำการสืบสวนทางเทคนิคและการสื่อสาร เส้นทางการเงิน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชว์ฝีมือ บุก!!  ทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา แรงงานข้ามชาติจากเหนือจดใต้


5. พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตรวจค้นเป้าหมายห้องเช่าซึ่งเช่าไว้เพื่อให้คนต่างด้าวพักอาศัย ดังนี้
5.1 เลขที่ 548/5 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีฯ
5.2 เลขที่ 43/4 ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีฯ
5.3 เลขที่ 424/1 ม.7 ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีฯ  
ผลการตรวจค้นได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่
1.นายละมอ  สัญชาติเมียนมา 
2.นายมอ มอ ทุย สัญชาติเมียนมา  
พร้อมกับได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 2 คัน และอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเหลือคนต่างด้าวให้หลบหนีจากที่กักตัว ได้แก่ ประแจเบอร์ 19 แม่กุญแจยี่ห้อ ASCC มีร่องรอยถูกงัดจนหัก และสมุดบัญชีธนาคารสรุปผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 7 ราย และยึดของกลางเป็นรถยนต์จำนวน 5 คัน พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารจำนวนหนึ่ง และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและเครือข่ายที่ยังหลบหนีต่อไป
ทั้งนี้ คณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีแผนการปฏิบัติร่วมกัน  ดังนี้ 
1. บูรณาการด้านการข่าวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง แรงงาน และสาธารณสุข ตลอดจนภาคประชาชน
2. ร่วมกันสกัดกั้นตามแนวชายแดน ตั้งด่านสกัดกั้นเป็นใยแมงมุมป้องกันการลักลอบการนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน และบูรณาการข้อมูลการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชั้นใน
3. สืบสวนปราบปราม จับกุมขบวนการเครือข่ายนายหน้าเถื่อนที่ลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร สอบสวนขยายผลขบวนการนำพาคนต่างด้าวผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่เคยมีพฤติการณ์กระทำความผิดในห้วงที่ผ่านมาและที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยอาศัยฐานข้อมูลร่วมกัน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โชว์ฝีมือ บุก!!  ทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา แรงงานข้ามชาติจากเหนือจดใต้


พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีสั่งการตามวิทยุ ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0007.33/133 ลงวันที่ 14 มกราคม 2564 มอบหมาย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจำนวน 8 นาย ควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติของตำรวจภูธรภาค 2 - 9 และสั่งการให้กองบังคับการ และตำรวจภูธรจังหวัด วิเคราะห์ข้อมูลการกระทำความผิด เส้นทางเข้าออกตามแนวชายแดน จัดทำแผนปฏิบัติการสกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยนำข้อมูลแผนที่สถานการณ์ มาตรการรองรับเพื่อสกัดกั้นการหลบเลี่ยงจุดตรวจเส้นทางหลัก และนำอุปกรณ์ช่วยตรวจสอบ อาทิ กล้องวงจรปิด ระบบ License plate ระบบ Face recognition โดยให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยร่วมปฏิบัติ ตั้งด่านสกัดเป็นใยแมงมุม ให้ครอบคลุม ทุกเส้นทาง/พื้นที่ และได้มี วิทยุ ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0007.22/231 ลง 22 ม.ค.64 กำชับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว และอบายมุข เป็นมาตรการสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตระหนักและมีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนมีความปลอดภัย ห่างไกลจากโรค และหากพบเบาะแส การกระทำความผิด โปรดแจ้ง 191, 1178 หรือ 1599 ได้ทันที

logoline