เมื่อ 27 ม.ค. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยเชื่อว่า อีกไม่นานประชาชนจะตื่นขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่แก้ปัญหาไม่ได้ และยังดูถูก ไม่ไว้วางใจประชาชนในยามเดือดร้อนอีกด้วย
นายจตุพร กล่าวถึงปัญหาที่รัฐบาลเพิกเฉยไม่ใส่ใจในความทุกข์ว่า กรณีจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการการชีวิตในหน้าที่ของลูกชายที่เป็นทหาร โดยเจ้าหน้าที่กลับทวงคืนและขอเบี้ยสูงอายุคืนนั้น ซึ่งเรื่องเช่นนี้ม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นความบกพร่องของ้จ้าหน้าที่ ส่วนยายสูงอายุคนรับเงินมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดโกงเงินแผ่นดิน อีกอย่างเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย และอย่าเอาแต่อ้างกฎหมายมากดดันยายอายุ 89 ปี
นอกจากนี้ แม้เรื่องนี้เงินเบี้ยยังชีพคนสูงวัยนั้น เป็นสิ่งเล็กน้อย แต่สร้างปัญหาทางใจให้คนแก่อายุ 89 ปีอย่างยิ่ง ดังนั้น รัฐบาลอย่านิ่งเฉย ต้องออกมาจัดการปัญหา อย่าเอาแต่ปัดสวะให้พ้นตัวเอง แล้วไปลงกับคนจน ซึ่งหวั่นเรื่องเช่นนี้จะไปลุกลามกระทบกระเทือนจิตใจคนจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนการเยียวยา 1,000 บาทผ่านมือถือนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ดูเหมือนรัฐบาลไม่ไว้ใจประชาชน และกลัวนำไปใช้อย่างอื่น ซึ่งแสดงว่าไม่รู้จักประชาชน พร้อมทั้งไม่ไว้วางใจประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศนี้ ดังนั้น แค่เงิน 1,000 บาทต่อสัปดาห์ยังไม่วางใจ แล้วประชาชนจะไว้วางใจให้บริหารงบประมาณกว่า 3 ล้านล้านบาทได้หรือ?
"การไม่ไว้วางใจประชาชนจะเป็นหลักคิดของผู้ปกครองประเทศไม่ได้ เพราะผู้ปกครองที่ดีต้องไว้วางใจประชาชน เมื่อผู้ปกครองมักอ้างว่า มาจากประชาชน จึงแปลว่า เวลาที่คุณอธิบาย ประชาชนไว้วางใจคุณใช่หรือไม่ แต่เมื่อมีอำนาจกลับไม่ไว้วางใจประชาชน ผมว่าประเทศนี้บ้าที่สุด"
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลใดถ้าประชาชนไม่ไว้างใจแล้ว รัฐบาลนั้นอยู่ยาก รวมทั้งหลักคิดที่สร้างแต่ความยุ่งยากให้ประชาชน เพื่อไม่ให้ไปคิดอย่างอื่น โดยปล่อยให้คิดให้ชุลมุนกับการหาโทรศัพท์ แล้วเข้าไปแย่งชิงโครงการคนละครึ่ง คือการทำให้ประชาชนมุ่งแต่การเอาตัวรอด ละเลยการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งเป็นทฤษฎีการเมืองอย่างหนึ่ง
"วันๆหนึ่ง สมองประชาชนก็คิดแต่สิ่งเหล่านี้ จนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น ดังนั้นรัฐบาลพยายามทำเรื่องให้ยุงเข้าไว้ บ้านเมืองที่ผ่านมามักมีวิธีการแก้ปัญหาแบบนี้เช่นกัน จึงทำให้ประเทศพัฒนาไปไหนไม่ได้ แล้วประชาชนก็ไปไหนไม่ได้ อีกทั้ง เงินพันบาท มักให้ประชาชนชุลมุนวุ่นวายกับสิ่งนี้ แล้วรัฐบาลก็ลอยตัวไป เพราะประชาชนไม่มีเวลาไปตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้น การบริหารประเทศแบบนี้อาจอยู่ได้นาน แต่เวลาจะไปจะใช้เวลาไม่นาน"
นายจตุพร เชื่อว่า ทั้งเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว และมาถึงการเยียวยา 1,000 บาทนั้น ทั้งหมดแสดงถึงการไม่มีความตั้งใจแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง จนทำให้ประชาชนต้องดิ้นรนทุกอย่าง แล้วเช่นนี้จะมีพวกท่านไปทำไมกัน
อีกอย่าง ในสถานการณ์ขณะนี้ เป็นเส้นแบ่งบางๆ ถ้ารัฐบาลยังไม่รู้จักประชาชน แต่วันที่รัฐรู้จักประชาชน วันนั้นมันสายเกินไปแล้ว เพราะวันที่ประชาชนสำแดงพลังในฐานะเจ้าของประเทศ วันนั้นรัฐจะรู้ว่า ที่ผ่านมาไม่ควรทำอะไรกระทบกระเทือนความรู้สึกประชาชน
"ผมเคยบอกว่า คนไทยเป็นคนที่ตื่นยาก เมื่อตื่นแล้วก็จะเอาเรื่อง และกำลังเกิดขึ้นอีกไม่น่านี้ ผมภาวนาว่า ถ้าเอาเรื่องเสร็จแล้วขออย่าหลับต่อเหมือนในอดีตก็แล้วกัน ผมเชื่อว่า คนไทยเมื่อตื่นแล้วจะชนะทุกเหตุการณ์ และเชื่อว่าสถานการณ์นี้กำลังใกล้เข้ามา ถ้ารัฐบาลเพิกเฉยจะได้เจอกับประชาชนอย่างแน่นอน"