svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง เชื่อวัน ปชช.ลุกขึ้นไล่ รบ.ใกล้มาถึง

26 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง เชื่อวัน ปชช.ลุกขึ้นไล่ รบ.ใกล้มาถึง ชี้อนาคตมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง รบ.ปกครองแบบเย่อหยิ่งจองหอง ฝ่ายค้านทำหน้าที่ไม่เป็นความหวังถึงการเปลี่ยนแปลง เผยสถานการณ์เหลือแต่ ปชช.ต้องสามัคคีลุกขึ้นกำหนดชะตากรรมบ้านเมืองกันเอง

เมื่อ 26 ม.ค. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยประเมินสถานการณ์ทางการเมืองว่า ถ้าประชาชนฝากความหวังการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองกับรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้แล้ว วันลุกขึ้นของประชาชนเพื่อกำหนดชะตากรรมประเทศคงใกล้มาถึงทุกขณะ และคงอีกไม่นาน 

"จตุพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง เชื่อวัน ปชช.ลุกขึ้นไล่ รบ.ใกล้มาถึง

นายจตุพร ประเมินว่า เนื่องจากการปฏิรูปที่รัฐบาลสัญญามาตลอดนั้นไม่เคยทำได้สำเร็จ เนื่องจากไม่ว่าประเทศจะปกครองด้วยเผด็จการหรือประชาธิปไตยก็ตาม ล้วนเป็นระบอบต่อการเอื้อให้ทุนผูกขาดมาครอบครองผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น การปกครองแบบใดก็ตามก็เป็นสิ่งจอมปลอมเพราะผู้มีอำนาจคิดแต่เรื่องส่วนตัว ไม่คิดจะแก้ปัญหาของชาติอย่างจริงจัง 
"เมื่อการเมืองหนีสิ่งหนึ่งก็ไปเจอกับอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งเลวร้ายไม่ต่างกัน จึงทำให้เห็นว่าประเทศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงยาก แม้ประขาชนตั้งความหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ายเอกชนกลับได้รับสัมปทานและครองประโยชน์ของชาติได้เบ็ดเสร็จยิ่งขึ้น" 
ด้วยเหตุนี้ ตนคาดว่าสถานการณ์ในวันนี้ ประชาชนมีความทุกข์เพิ่มทวียิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลดูเหมือนปกครองประชาชนได้เบ็ดเสร็จ และไม่กลัวประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านใดๆ จึงไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพ เนื่องจากคิดว่า ประชาชนเป็นของตายจะทำอะไรก็ได้ ดังนั้นระบบการปกครองแบบนี้จึงเป็นปัญหา 
นายจตุพร เชื่อว่า ความอดทนของประชาชนจะเหลือน้อยลงตามลำดับและมองไม่เห็นว่า รัฐบาลจะสร้างอนาคตได้อย้างไร อีกทั้ง ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องทำให้คนมีความหวังในการเปลี่ยนแปลง โดยเน้นถึงสิ่งที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายจนประชาชนอดทนไม่ได้ แล้วออกมารับไม้กดดันกันต่อไป 
"วันนี้เป็นเรื่องของความจนกับคนรวย เป็นเรื่องระหว่างสิ่งถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยสถานการณ์จะเปลี่ยนแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วปรากฎการณ์ครั้งนี้จะเป็นร่วมมือของประชาชนทุกฝ่าย นอกจากนี้ การที่รัฐบาลบริหารประเทศจนเกิดความเดือดร้อนนั้นจะเป็นการสร้างความปรองดองของคนในชาติ เกิดสามัคคีขับไล่รัฐบาล แต่ถ้าฝ่ายค้านทำให้ผิดหวังด้วยแล้ว คงจะถูกประชาชนออกมาไล่เช่นกัน" 

"จตุพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง เชื่อวัน ปชช.ลุกขึ้นไล่ รบ.ใกล้มาถึง


ดังนั้น การอภิปรายฯ ครั้งนี้ต้องเน้นชี้ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว จนจะอยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นั่นเท่ากับคนจะอยู่ในบ้านไม่ได้ ต้องออกมากดดันไม่ให้รัฐบาลได้อยู่ต่อไปเพราะหมดความชอบธรรม  

อีกอย่าง รัฐบาลขณะนี้ทำเป็นหูทวนลม เพิกเฉยไม่ได้ยินเสียงประชาชนในเรื่องการเยียวยาผ่านมือถือ ทั้งที่คนต้องการเงินสด จนทำให้คนสงสัยว่า ต้องการอะไรกันแน่ หรือจงใจจะเอาก้อนหินจากประชาชน อยากรู้ว่าคิดอะไร หรือคิดเกมการเมือง หรือโง่ ไม่เข้าใจ หรืออยากมีเรื่อง 
"ดังนั้น รอบนี้จะเกิดการสามัคคีประชาชน เพราะรัฐบาลเย่อหยิ่งจองหองกันเกินไป ซึ่งรัฐบาลจะพังพาบกันได้ โดยท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้ประชาชนอดทนไม่ไหวกันอีก เมื่อยิ่งเดือดร้อน แต่รัฐบาสลกลับใช้ พรก.ฉุกเฉินปกครองกันมาเป็นปีๆ อีกอย่างกลไกรัฐบกพร่องจนเกิดการแพร่เชื้อโควิด แต่รัฐบาลกลับไม่เคยขอโทษประชาชนสักคำ"  

"จตุพร" ประเมินสถานการณ์การเมือง เชื่อวัน ปชช.ลุกขึ้นไล่ รบ.ใกล้มาถึง


นายจตุพร เชื่อว่า โดยเหตุการณ์ต่างๆดังกล่าวนั้น ถ้าฝ่ายค้านขยายการทุจริตแล้ว ประชาชนจะตอกย้ำรายละเอียดอีกครั้ง หากทำไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของประชาชน นอกจากนี้ อภิปรายฯครั้งนี้มีความน่สสงสัยว่า ทำไมไม่แตะกระทรวงพลังงานทั้งที่เป็นกระทรวงอันดับ 1 ใครๆก็ต้องการไปเป็นรัฐมนตรี  
สิ่งที่น่าสนใจคือ กระทรวงพลังงานเดินเกมการเมืองแบบดูแลทุกฝ่ายเบ็ดเสร็จ จึงทำให้รอดจากการถูกอภิปรายฯครั้งนี้ ดังนั้น สิ่งนี้เป็นหลักคิดในการดูแลสองซีกและเป็นการสมคบคิดเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง 
"ถ้าประเทศไม่เปลี่ยนแปลงก็จะเจอคนแบบกระทรวงพลังงานมาจัดการผลประโยชน์ของชาติ แล้วชาติจะเหลืออะไร ดังนั้น ขณะนี้ประเทศจึงถูกครอบงำเบ็ดเสร็จแล้ว จึงต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะลุกขึ้นมา เพราะเราฝากความหวังทางการเมืองกับฝ่ายใดไม่ได้เลย" 

logoline