วุ่น!ผู้ต้องกักชาวเมียนมาชิงกุญแจห้องขังเปิดทาง402คนปลุกม็อบ

25 มกราคม 2564 เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง โดยแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้ชิงกุญแจจากจนท.ตม.ขณะเข้าไปส่งอาหารผู้ต้องขัง จนเกิดความวุ่นวายขึ้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่ ตม.เข้าไปส่งอาหารผู้ต้องขังตามปกติ ปรากฎว่าขณะเจ้าหน้าที่ได้ไขกุญแจห้องขังชั้น 3 ห้อง 2/1 อยู่นั้นได้มีผู้ต้องขังชิงกุญแจจาก จนท.ตม.และได้ไปเปิดห้องขังชั้นในทุกห้องปล่อยตัวผู้ต้องขังสัญชาติเดียวกันจำนวน 402 คน ออกมาอยู่รวมกันพร้อมต่อรองเรียกร้องขอพบ จนท.ทูตเมียนมาร์ เพื่อเจรจาต้องการกลับประเทศหากไม่ได้ตามที่ขอจะไม่ยอมเข้าห้องขัง และจะไม่ยอมกินข้าว ซึ่งบางกลุ่มก็ได้ขึ้นไปตะโกนและชูป้ายโดยเขียนเป็นภาษาไทยว่า "พวกเราอยากกลับบ้าน "ที่บนดาดฟ้าตึก ที่เป็นห้องกักขังด้วย
 

ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้วิ่งลงมาทำการปิดล็อคประตูห้องขังที่อยู่ชั้น 1 หรือด้านล่างของตึกห้องขังได้ทัน ทำให้ผู้กักขังทั้งหมดไม่สามารถออกมาจากอาคารได้ ทำให้ผู้ต้องขังได้ตะโกนโห่ร้องและพยายามแสดงออกโดยแจ้งว่าต้องการประท้วงที่ถูกควบคุมตัวเพื่อรอการผลักดันมาเป็นระยะเวลานานแล้ว บางรายอยู่มาเป็นระยะเวลา 4-5 เดือน แต่ยังไม่ได้รับการผลักดัน เนื่องจากทางการเมียนมายังปฏิเสธการรับตัวเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิค 19 และมีความประสงค์ที่จะคุยกับทางการเมียนมาและต้องการคำตอบว่า จะสามารถรับตัวกลับประเทศได้เมื่อไหร่

กระทั่งต่อมานายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ,พลตำรวจตรีศรัณยู ชำนาญมาก ผู้กำกับภูธรจังหวัดระนอง พันตำรวจเอก สมชาย จิตสงบ ผู้กำกับ ตม.จังหวัดระนอง พันเอก ภาคิน เกื้อกูล ผบ.พัน ร 25 พัน 2 และเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้เข้าทำการเจรจากับคู่กักขังโดยเบื้องต้นได้ประสานไปยังนายเทะ เว เพียว ผู้ช่วยทูตแรงงานประเทศเมียนมาร์ ประจำประเทศไทย เพื่อที่จะเข้ามาเจรจากับผู้ต้องขังซึ่งขณะนี้ทางผู้ช่วยฑูตแรงงานประเทศเมียนมาได้อยู่ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าน่าจะมาถึงระนองในช่วงเย็นวันนี้เพื่อที่จะร่วมกันหาทางออกให้กับผู้ต้องขังชาวเมียนมาร์ทั้งหมด

ภายหลังจากที่ได้มีการชี้แจง-พูดคุยกับผู้ต้องขังชาวเมียนมาจนเป็นที่เข้าใจ ผู้ต้องขังทั้งหมดก็อยู่ในความสงบ และทั้งหมดก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในห้องขัง เบื้องต้นผู้ต้องกักดังกล่าวไม่ได้ทำทรัพย์สินในอาคารเสียหาย และไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตม.ไทยแต่อย่างใดและเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ได้สนธิกำลังทหาร-ตำรวจกว่า 30 นาย และรถดับเพลิง เข้าทำการเฝ้าระวังบริเวณด้านหน้าห้องกักขังพร้อมแก๊สน้ำตาและกระบองเพื่อเฝ้าระวังซึ่งอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นได้