รวบแก๊งเดนคุก ตระเวนลักรถรายใหญ่ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

21 มกราคม  2564  ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.ท.เพิ่มพูน  ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ศปจร.) พร้อม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์  หลักบุญ ผบช.ภาค 3 พล.ต.ต ชูสวัสดิ์  จันทร์โรจน์กิจ ผบก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต พรชัย  นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และชุดสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุมขบวนการโจรกรรมรถยนต์ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 และ ภาค 4 จำนวน 30 คัน เสียหายมูลค่า 15 ล้านบาท ผู้กระทำผิดคือ นายคมสัน  หงส์เวียงจันทร์ มีหมายจับคดีลักทรัพย์รถยนต์ในพื้นที่ จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นครราชสีมา 

และขยายผลการจับกุมพบได้ร่วมก่อเหตุลักรถยนต์ในปี 2562 รวม 6 ครั้ง กับนายชัยธัช  มัทวรัตน์ ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาลักรถยนต์ เมื่อปี 2557 ที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และถูกศาลจังหวัดนครราชสีมา อนุมัติหมายจับฐานร่วมกับพวกลักรถยนต์ในพื้นที่ สภ.จอหอ อ.เมือง นครราชสีมา และก่อเหตุลักรถยนต์ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2562 รวม 9 ครั้ง และผู้ร่วมก่อเหตุคือ นายบุญรอด  พวงเพชร อายุ 45 ปี อ.เมือง สมุทรปราการ และนายพิชิตชัย  ศิริจันดา อายุ 28 ปี ชาว อ.โนนสูง นครราชสีมา พร้อมของกลางรถยนต์จำนวน 12 คัน ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อโตโยต้า รวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ใช้ในการก่อเหตุจำนวนมากและยังมีผู้ร่วมขบวนการยังหลบหนีอยู่ 1 คน คือ นายวิชิต หรือดำ  นกพึ่ง อายุ 45 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 152 ถ.มิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

พล.ต.อ เพิ่มพูน ฯ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยพฤติการณ์ของคดีว่า ในห้วงปี พ.ศ 2562-64 เขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียงมีเหตุรถยนต์ถูกโจรกรรมจำนวนหลายคัน ส่วนใหญ่รถเป้าหมายเป็นรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายทางเศรษฐกิจ ศปจร.สนง.ตำรวจภูธรภาค 3 จึงบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้ใช้รถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีบอนซ์ทอง เลขทะเบียน ขล 4166 นครราชสีมา ซึ่งมีนางสาวอุษา  คุ้มฮะ ภรรยาของนายคมสัน ฯ เป็นผู้ครอบครอง รถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีดำ เลขทะเบียน ขล 8330 นครราชสีมา มีนางสาวเตือนใจ ศิริจันดา ภรรยาของนายชัยรัช ฯ เป็นผู้ครอบครอง และรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีขาว เลขทะเบียน 2กฐ 9592 กรุงเทพฯ มีนายพิชิตชัยฯ เป็นผู้ครอบครอง จึงได้เฝ้าติดตามคนร้ายอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง 
พล.ต.ต ภาณุรัตน์ ผบช.ภาค 3 กล่าวว่า เมื่อเวลา 01.30 น วันที่ 18 มค.ที่ผ่านมา รับแจ้งเหตุคนร้ายลักรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สี่ประตู สีขาว เลขทะเบียน 1กค 5973 กรุงเทพฯ ที่หอพักฟูเฮ้าอพาร์ทเม้นท์ ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พื้นที่ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบเส้นทางของรถกระบะที่ถูกโจรกรรมแล่นไปบ้านนายชัยรัชฯ พื้นที่ อ.โนนสูง และแกะรอยพบรถถูกนำไปขายให้นายทุนที่ อ.เมือง จ.หนองคาย จึงได้สืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมนายชัยธัชฯ นายพิชิตชัยๆ และนายบุญรอดฯ ในขณะอยู่ในรถกระบะแล่นเข้ามาในพื้นที่ อ.โนนสูง จึงแสดงตัวและชักถาม นายชัยธัชฯ กับพวกให้การรับสารภาพร่วมกันลักรถกระบะ เลขทะเบียน 1กก 5973 กรุงเทพฯ จากพื้นที่ สภ.จอหอ นำไปขายให้กับนายทุนที่ จ.หนองคาย ราคา 130,000 บาท โดยนำเงินมาแบ่งให้นายพิชิตชัยฯ และนายบุญรอดฯ คนละ 20,000 บาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดนครราชสีมา อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 

นายชัยรัชฯ ให้การรับสารภาพเคยก่อเหตุลักรถยนต์ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2561 และให้การเพิ่มเติมว่านายคมสันฯ ได้หลบหนีไปอยู่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปจับกุมนายคมสันฯ พร้อมรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีบอนซ์ทอง พบเครื่องมืออุปกรณ์ใช้ก่อเหตุจำนวนหลายรายการและขยายผลถึงนายทุนในพื้นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย ที่มีการเชื่อมโยงไปยังนายทุนที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน จนสามารถตรวจยึดรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สี่ประตู สีขาว เลขทะเบียน 1กค 5973 กรุงเทพฯ ที่ถูกลักจากพื้นที่ สภ.จอหอ และตรวจยึดรถกระบะ จำนวน 11 คัน ทั้งหมดเป็นรถยี่ห้อโตโยต้า ทั้งรุ่นฟอร์จูนเนอร์ รถกระบะสี่ประตู และรถกระบะแค๊ป ไว้ตรวจสอบและสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตามหากประชาชนสงสัยรถของตนถูกโจรกรรมสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ถ.สุรนารายณ์ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โทรศัพท์ 044 928868