svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สุพจน์"ซัด"อาคม"ซ้ำเติมคนจนจ่ายเงินช่วยเหลือผ่านแอปฯ

20 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"โฆษกประชาชาติ" ซัด "รมว.คลัง" ซ้ำเติมคนจนและถ่างความเหลื่อมล้ำ หลังเสนอให้ประชาชนไปซื้อมือถือสมาร์ทโฟนรองรับแอปพลิเคชันเป๋าตัง แขวะอย่าคุ้นชินกับความร่ำรวยจอมปลอมของชาติ .

20 มกราคม 2564 นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวว่า การที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เสนอให้ประชาชนที่ต้องการรับบริจาคเงินจากรัฐบาลไปซื้อมือถือ เพราะรัฐจำเป็นต้องจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อรับเงิน 3,500 บาทนั้น ถือเป็นข้อเสนอที่ซ้ำเติมคนด้อยโอกาส และผู้มีรายได้น้อย ซึ่งปัจจุบันมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น อดอยากละม้ายคล้ายคลึงกับยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็น คือ ความไม่แน่นอน เพราะการระบาดขอโควิด-19 ซึ่งเกิดจากการกระทำของคนไม่กี่คน และรัฐคงคว้าน้ำเหลวนำคนผิดมาลงโทษ

"รมว.คลัง คงภูมิใจและคุ้นชินที่อัตราผลตอบแทนของทุน ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ สูงกว่าอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และตัวเลขคาดการณ์ที่จอมปลอม แถมไม่เคยห้อยโหนรถเมล์ หรือแม้แต่ต้องถีบจักรยานไปทำงาน เพราะมีรถยนต์ส่วนตัว ไม่เคยต้องตัดสินใจเวลาจะซื้อบะหมีสำเร็จรูป ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนห่อใหญ่สุดและถูกสุด เพราะหนึ่งห่อต้องกินกันสองคน วันหนึ่งมีกินมื้อเดียว ไม่เคยต้องยืนมองลูกแล้วน้ำตาไหล เพราะยังไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม ยังไม่มีเงินให้ลูกซื้อหนังสือเรียนหรือเสื้อนักเรียน ไม่เคยต้องยืนเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้นอกระบบที่มายืนทวงหนี้เสียงดังอยู่หน้าบ้าน ไม่เคยเข้าคิวรอหมอเป็นคนไข้อนาถาที่โรงพยาบาล ไม่เคยต้องตื่นตีสองตีสามเพื่อเตรียมของขายแล้วขายไม่ได้เพราะคนไทยจนกันหมดไม่มีกำลังซื้อ" นายสุพจน์ กล่าว

ทั้งนี้ อยากให้รมว.คลัง เลิกคิดและชี้แนะแบบเจ้าขุนมูลนาย และถ้าไม่เข้าใจ ลองลงไปใช้ชีวิตในชุมชนแออัดที่ไหนสักแห่ง ไปดู ไปฟัง ไปยอมรับในคุณค่า และความไม่เท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่จริง และกรุณานำบรรดาที่ปรึกษาใส่สูทล้อมรอบ ไปด้วย เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายอาคม ควรทำคือไปคุยกับค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ ให้แจกฟรีสมาร์ตโฟนพื้นฐาน โดยมีสัญญาการใช้บริการขั้นต่ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือไม่ก็ลดราคาเหลือแค่ราคาทุน โดยมีเงื่อนไขแบบเดียวกัน หรือช่วยเรื่องการหักลดหย่อนภาษีให้กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ ทั้งๆที่พวกทำธุรกิจนี้ร่ำรวยกันมหาศาลคุ้มทุนกันไปนานนับปีแล้ว แต่ยังเก็บค่าบริการเท่าเดิมอยู่

นายสุพจน์ ย้ำว่า สังคมยังสับสนเกี่ยวกับนิยามของคำว่า "ความยากจน" ของสภาพัฒน์ฯ และกระทรวงการคลัง เพราะจำนวนและข้อมูลคนจนย้อนแย้งกัน คือ สภาพัฒน์ฯ ระบุปี 2559 มีคนจน 5.8 ล้านคน ปี 2560 มีคนจน 5.3 ล้านคน ปี 2561 มีคนจน 6.7 ล้านคน ปี 2562 มีคนจน 4.3 ล้านคน แต่ต้นปี 2562 รัฐบาลแจก "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือบัตรคนจนจำนวน 14.6 ล้านใบ จึงไม่มั่นใจว่าคนทั่วๆไปจะเชื่อใคร หรือใช้ตัวเลขใดทำงาน แต่ที่แน่ๆคนจนมิได้ลดจำนวนลง หรือหมดไปตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2560 แถมรัฐบาลยังใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและนับวันจำนวนคนจนและเกือบจน (near poor) จะมีมากและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

logoline