svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ดาหน้าจวก "ธนาธร" ปมวัคซีนโควิด ชี้ "เนรคุณ-สร้างภาพ-ทำสังคมสับสน"

19 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ดร.อานนท์-ดร.นิว" รวมถึงโฆษก พปชร. ดาหน้าจวก "ธนาธร" ปมไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาล ชี้เป็นการเนรคุณแผ่นดิน สร้างภาพให้ตัวเองดูดี และทำให้สังคมสับสน

19 มกราคม 2564 จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาล เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) 
อ่านต่อที่ "ธนาธร" อัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพจัดหา "วัคซีนโควิด" 
ล่าสุดได้มีนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องในแวดวงการเมืองออกมาให้ความเห็นตอบโต้นายธนาธรเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมากมาย โดย ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น (นิด้าโพล) โพสต์เฟซบุ๊กว่า คนเนรคุณสองแผ่นดิน จ้องสำราก ด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เลิก แต่ตัวเองไม่เคยเสียสละทำอะไรเพื่อแผ่นดิน พร้อมอธิบายโดยสรุปใจความว่า การผลิตยาที่เป็นชีววัตถุ อันมีเทคโนโลยีขั้นสูงมาก ที่ไม่มีโรงงานยาโรงงานไหนในประเทศไทยกล้าลงทุน เพราะไม่รู้ว่าจะคุ้มทุนหรือไม่ มีโรงงานเดียวในประเทศไทยที่ผลิตและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดนี้ได้ 
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดและทำอย่างที่เรียกว่าขาดทุนคือกำไร สยามไบโอไซนส์ ขาดทุนมาเยอะมาก ห้าร้อยกว่าล้านบาท ไม่มีกำไรอะไรเลยสักนิดเดียว เพื่ออะไร
เพื่อเวลาที่เกิดวิกฤติอย่างโควิดนี่อย่างไรครับ เราถึงผลิตวัคซีนเองได้ โดยเขาถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ เพราะเราทำได้เอง เราเก่งพอที่จะรับความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงมาได้ มาทำเองได้ พึ่งพาตนเองได้ ในราคาที่ถูกกว่า เข้าถึงได้มากกว่า 
นวัตกรรมใหม่ขนาดนี้ เสี่ยงสูงมาก ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเจ้าไหน จะสำเร็จก่อนหรือหลัง มีเป็นร้อยๆ เจ้านะครับที่ทำวิจัยวัคซีนโควิด-19 ถ้าประเทศไทยมีเงินถุงเงินถังก็ซื้อทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมมาไว้ก่อนทั้งหมด แต่ใครจะไปเสียเงินมากมายขนาดนั้น และถ้าจะต้องเสียขนาดนั้น ก็จะมีเสียงนกเสียงกา เสียงห่าเสียงเหว ออกมาเห่ามาหอนอีกว่าไม่คุ้มอีก 
รัฐบาลจะไม่ซื้อกับสยามไบโอไซนส์ก็ได้แหละครับ แต่จะต้องซื้อในราคาที่แพงกว่านี้มาก และในเวลานี้ก็ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อได้ ประเทศร่ำรวยเขาลงเงินจองไปหมดแล้ว

เช่นเดียวกับ "ดร.นิว"นายศุภณัฐ อภิญญาณ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นอกจากจะแชร์ข้อความของ ดร.อานนท์ พร้อมบอกว่า "เห็นด้วยทุกประการ" แล้ว ยังโพสต์ย้อนถามนายธนาธรอีกด้วย ว่านายธนาธรเป็นเด็กเลี้ยงแกะที่ "การพูด" กับ "การกระทำ" แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ที่สร้างภาพตั้งแต่ 15 เม.ย. 63 บอกว่าจะ "ผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อมอบกับโรงพยาบาลทั่วประเทศ" ไม่ทราบว่าตอนนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว?
เห็นได้ชัดว่านายธนาธรไม่ทำอะไรเลย นอกจากสร้างภาพจอมปลอม ยุยงปลุกปั่น สร้างกะลาลวงโลก ปั่นกระแสบิดเบือนในโลกโซเชียล และจ้องฉวยโอกาสบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศชาติไปวันๆ

ปิดท้ายที่การตอบโต้จากน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวถึงกรณีนี้โดยสรุปใจความว่า
ได้ฟังเนื้อหาแล้วทำให้รับทราบได้ว่านายธนาธรอาจกำลังมีปมจากการที่แพ้เลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. แบบแลนด์สไลด์ 42 จังหวัดที่ผ่านมา การให้ข้อมูลเรื่องวัคซีนเป็นการตั้งหัวข้อบิดเบือน เพราะในความเป็นจริงทั้งรัฐบาลและศบค. จัดหาวัคซีนฟรีอย่างเพียงพอ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการในการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยโดยไม่ได้คำนึงแค่จำนวนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด แต่พลเอกประยุทธ์และทีมแพทย์ รวมถึงคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติคำนึงถึง "นโยบายความปลอดภัยสูงสุดของชีวิตคนไทย" เป็นสำคัญ การจองซื้อวัคซีนของทุกประเทศเป็นแบบล่วงหน้า (Advance Market Commitment: AMC) ภายใต้เงื่อนไขว่ามีโอกาสที่จะได้หรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าวขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนา หากรีบจองโดยยังไม่ทราบผลสำเร็จหรือผลข้างเคียงก็จะเป็นการเสี่ยงทั้งสุขภาพและงบประมาณของประเทศ
บางประเทศที่ต้องการเริ่มฉีดวัคซีนเร็ว มีการตัดสินใจใช้วัคซีนที่อาจจะยังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่ครบถ้วนเพราะสถานการณ์ติดเชื้อในประเทศเลวร้ายไม่สามารถควบคุมได้ แต่ประเทศไทยเราควบคุมโรคมาได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมาเกือบ 8 เดือนดังนั้นพลเอกประยุทธ์จึงตัดสินใจไม่รับความเสี่ยง ไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ดังนั้นจึงเป็นปกติที่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนช้ากว่าบางประเทศ เพราะวัคซีนทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งของไทยและต่างประเทศก่อนเพื่อความปลอดภัย
"และจากที่นายธนาธรพยายามบิดเบือนข้อมูลชี้ช่องให้มองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างรัฐบาลและบ.สยามไบโอไซเอนซ์ ในการผลิตวัคซีนของ AstraZeneca นั้น เหตุใดนายธนาธรไม่พูดถึงข้อเท็จจริง ของบ.สยามไบโอไซเอนซ์ ให้หมด ไม่พูดถึง "ความพร้อมทางเทคโนโลยี" ของบริษัทที่มีมากกว่าบริษัทอื่นๆ ที่นายธนาธรยกมาเปรียบเทียบ หรือนายธนาธรมีเจตนาพูดข้อมูลเฉพาะส่วนเพื่อนำมาบิดเบือนหรือไม่ หรือว่านายธนาธรไม่มีความรู้เพียงพอจึงไม่ทราบว่า AstraZeneca เป็นผู้เลือก บ. สยามไบโอไซเอนซ์ ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนโดยประเมินศักยภาพทั้งด้านความพร้อมของโรงงานและความสามารถของบุคคลากร โดยที่นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ต้องมีความสามารถพร้อมรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการผลิตได้อย่างทันทีเพราะวัคซีนเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างมาก อีกทั้งต้องเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนได้จำนวนมากเพื่อเป็นฐานการผลิตของภูมิภาคอาเซียนนี้" น.ส. ทิพานัน กล่าว

logoline