svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ธนาธร" อัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพจัดหา "วัคซีนโควิด"

19 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ธนาธร" อัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพจัดหา "วัคซีนโควิด" ทั้งล่าช้า ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร รวมถึงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ชี้เป็นเพียงการหวังสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง

19 มกราคม 2564 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์ทางเพจคณะก้าวหน้าเปิดเผยข้อมูลว่าด้วยการจัดหาและผลิตวัคซีนโควิดในประเทศไทย ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง ความล่าช้าของวัคซีน และการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลที่ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากรอย่างเหมาะสมทั่วถึง โดยสรุปเนื้อหาได้ดังนี้...
ธนาธร อธิบายว่า การที่คนไทยได้วัคซีนล่าช้าและได้ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาประเทศในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่สำคัญมากในเรื่องการจัดการโควิด
หลายๆ ประเทศกำลังเร่งมือฉีดวัคซีนโควิดกันอยู่ในขณะนี้ แต่การที่ได้รับไม่ครอบคลุมและล่าช้า นั่นหมายถึงการเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ นักท่องเที่ยวจะเข้ามาช้ากว่าประเทศอื่น คู่ค้าทางธุรกิจที่อยู่ในต่างประเทศจะมีการเจรจาช้ากว่าประเทศอื่น และที่สำคัญ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
ธนาธร บอกว่าเป็นเพราะรัฐบาลประมาท ไม่ได้เร่งจัดหาเจรจาเพื่อซื้อวัคซีนสำหรับคนไทยทุกคนตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะที่หลายประเทศเริ่มเจรจาจัดหาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 หรือ 2 ของปีที่แล้ว ส่วนประเทศไทยกว่าจะเจรจาหาข้อสรุปได้ก็ปาเข้าไปถึงเดือนตุลาคม ปี 2563
ที่สำคัญ การเจราจาเพื่อจัดซื้อวัคซีนนั้นน้อยเกินไปและอยู่ในมือเพียงเจ้าเดียว คือ บริษัท แอสตราเซเนกา พีแอลซี ผู้ผลิตวัคซีนและยารายใหญ่จากทวีปยุโรป รัฐบาลไทยนิ่งนอนใจจนไม่มีการเจรจาใดๆ เพิ่ม เพิ่งจะมาเริ่มเมื่อต้นเดือนมกราคม 2564 ที่ประกาศว่าจะจัดซื้อกับ บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีนอีก 2 ล้านโดส ซึ่งปริมาณก็น้อยนิดเหลือเกิน

"กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว วันนี้กำลังการผลิตของบริษัทผลิตวัคซีนต่างๆ ได้ถูกจับจองไปเสียมากแล้ว นั่นก็เพราะรัฐบาลเอาปัญหาการฉีดวัคซีนมาเป็นเรื่องเดียวกันกับการสร้างความนิยมทางการเมือง จนละเลยการหาหนทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับประเทศ และการจัดโครงสร้างแบบนี้เองทำให้ตั้งคำถามว่ารัฐบาลพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับการฝากอนาคตวัคซีน อนาคตของประเทศไทยไว้กับบริษัทเดียวหรือไม่?"ธนาธร กล่าว
ประธานคณะก้าวหน้า ยังโจมตีรัฐบาลในการสนับสนุนให้ บ. สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นใจกลางของการผลิตวัคซีนสำหรับประชาชนคนไทย โดยอธิบายว่า สยามไบโอไซเอนซ์ และบริษัทในเครือ ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2552 ยังไม่เห็นบริษัทไหนเลยที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างชัดเจน แต่กลับได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย และได้ทำสัญญากับบริษัท แอสตราซิเนกา ให้ผลิตยาวัคซีนของบริษัทจำนวน 200 ล้านโดส ต่อปี และยังได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ได้รับมาเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนแบบ Viral Vector หรือเป็นวัคซีนการผลิตแบบที่ บริษัท แอสตราเซเนกา อีกถึง 1,449 ล้านบาท เพื่อให้ผลิตวัคซีนตัวนี้ให้ได้ แถมยังมีประเด็นข้อกังวลเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากเป็นการนำงบจากรัฐบาลไปสนับสนุนบริษัทเอกชน
อ่านข่าว - ดาหน้าจวก "ธนาธร" ปมวัคซีนโควิด ชี้ "เนรคุณ-สร้างภาพ-ทำสังคมสับสน"

ทำให้ตั้งคำถามว่า ข้อตกลงเรื่องวัคซีนที่ทำกับ บริษัท แอสตราเซเนกา เป็นการฝากอนาคตของประเทศไทยไว้กับ บริษัท แอสตราเซเนกา และ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มากเกินไปหรือไม่ และการเจรจาเช่นนี้ทำให้ตัดโอกาสการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เพื่อจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรได้มากที่สุด และให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในประเทศไทยหรือไม่ ?
ทั้งหมดนี้ นำมาซึ่งคำถามสุดท้ายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี อนุมัติข้อตกลงอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะถ้าเกิดว่าข้อตกลงอย่างนี้มีอะไรผิดพลาด พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ ? ถ้าเกิดว่าวัคซีนผลิตได้ช้ากว่ากำหนดเวลา ถ้าเกิดว่าการผลิตวัคซีนมีปัญหาในการแจกจ่ายกับประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าเกิดว่าประชาชนเกิดอาการแพ้วัคซีนหรือวัคซีนมีประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย คุณประยุทธ์จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ? เพราะประชาชนย่อมจะตั้งคำถามกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้น คือ ในหลวงรัชกาลที่ 10
"ผมเชื่อว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากกว่านี้ เร็วกว่านี้ ซึ่งจะนำมาสู่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่เร็วกว่านี้ได้
หากรัฐบาลฟังข้อเสนอของพวกเรา เริ่มเจรจาจัดหาวัคซีนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 โดยไม่ฝากอนาคตของประเทศไทยไว้กับข้อตกลงใดข้อตกลงหนึ่ง หรือ บริษัทใดบริษัทหนึ่ง โดยไม่คิดที่จะเอาเรื่องการจัดหาวัคซีนมาสร้างความนิยมให้กับตัวเองเป็นลำดับแรก แต่มองเรื่องความมั่นคงของประเทศ และของประชาชน
ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าจัดหาวัคซีนได้เร็วกว่านี้ มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน" ธนาธร กล่าว

logoline