svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สธ.ตั้งทีมสกัดเหตุฆ่าตัวตายจากพิษโควิด-19

14 มกราคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ เห็นชอบผนึกกำลังขับเคลื่อนและเป็นกระบอกเสียงป้องกันการฆ่าตัวตาย สร้างการรับรู้สวัสดิการทางสังคมและสร้างพลังใจ เพื่อลดความสูญเสีย ในปี 2563 พบปัจจัยด้านความสัมพันธ์และเศรษฐกิจเป็นสาเหตุหลัก

14 มกราคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยกล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ประชาชนได้รับผลกระทบทั้งด้านทรัพยากร สุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความเครียด วิตก กังวล และซึมเศร้า ส่งผลให้ผู้มีปัญหาทางสุขภาพจิตและเจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจรุนแรงลงมือฆ่าตัวตายเป็นทางออกในการแก้ไขของปัญหา จากข้อมูลพบว่า อัตราการฆ่าตัวตาย
ในประเทศไทยเฉลี่ยแต่ละปีมีจำนวน 53,000-54,000 คน แต่กระทำสำเร็จประมาณ 4,000 คน คิดเป็น ร้อยละ 6-6.5 และในปี 2560 เป็นต้นมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง ปี 2563 (มกราคม พฤศจิกายน) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเกือบ 5,000 คน เป็นเพศชายมากกว่าหญิง พบมากในกลุ่มวัยทำงาน กับผู้สูงอายุ และกลุ่มอาชีพผู้ใช้แรงงาน/กลุ่มรับจ้าง เกษตรกรรม และกลุ่มไม่มีรายได้  
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การฆ่าตัวตายจึงถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตและเป็นปัญหาทางสังคม ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพียงมาตรการด้านสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว หน่วยงานทุกภาคส่วนจึงต้องช่วยดูแลสวัสดิการสังคม ดูแลคุณภาพชีวิต และร่วมกันเป็นกระบอกเสียงป้องกันการฆ่าตัวตาย 

ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานและจัดหาแนวทางการดำเนินงานในการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการฆ่าตัวตาย ด้วยยุทธศาสตร์การป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ ซึ่งครอบคลุมปี 2564-2565 เน้นสร้างความรับรู้และให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลด้านสิทธิสวัสดิการทางสังคมสุขภาพพื้นฐาน เสริมสร้างพลังใจ เป็นการ "ซื้อเวลา" เพื่อให้เกิดการตัดสินใจใหม่ ลดการฆ่าตัวตาย, คัดกรอง ค้นหา และเฝ้าระวังประชาชนกลุ่มเสี่ยงด้านสาธารณสุข เช่น ผู้ป่วยโรคทางจิตเวช มีปัญหาสุรายาเสพติด และผู้เคยมีประวัติฆ่าตัวตาย, พัฒนารูปแบบ การจัดการในจังหวัดเพื่อลดจำนวนผู้ฆ่าตัวตาย และพัฒนาระบบเทคโนโลยี นวัตกรรม แก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย 
นอกจากนี้ที่ประชุม ยังเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานและแนวทางการดำเนินงานเพื่อบูรณาการระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน เพื่อร่วมกันทำงานเป็นเครือข่ายช่วยประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้ผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน ได้รับการคุ้มครองสิทธิและรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามมาตรฐานสากล ป้องกันไม่ไห้เกิดอันตรายต่อสังคม 
พร้อมลดภาระ ทรัพยากร งบประมาณ และทรัพยากรด้านบุคลากรของรัฐได้ ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาอย่างครอบคลุมตั้งแต่ระบบการนำส่งผู้ป่วย การรักษา การใช้สิทธิรักษาพยาบาล และ การกลับเข้าสู่ชุมชนของผู้ป่วย  และติดตามรักษาอาการฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และเห็นชอบจัดตั้งคณะทำงานกำหนดมาตรฐาน ผู้ให้บริการด้านจิตวิทยาการปรึกษา ทั้งแบบเฉพาะหน้าและผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อให้ได้รับการรับรองเป็นบริการสาธารณสุข ภายใต้หลักระบบหลักประกันสุขภาพ

logoline